

![]() |
แชร์ประสพการณ์ โดย วุฒิวิศวกรโยธา Building Inspection, Building design,Certify calculation, Check Earthquake resistance of structure by Senior Civil Professional Engineer วุฒิวิศวกรโยธา 081 2974848 ส่งเมลย์ ได้ที่ email 4wengineer@gmail.com งานออกแบบเป็นงานวิชาชีพสถาปัตยกรรมควบคุม ยกเว้น ที่พักอาศัยส่วนบุคคล พื้นที่รวมกันไม่เกิน 150 ตรารางเาตร หรืออาคารเพื่อการเกษตร พื้นที่ไม่เกิน 400ตรารางเมตร ส่วนงานควบคุมงานนั้น ไม่มีข้อยกเว้น ดังนั้น อาคารทุกขนาดต้องใช้สถาปนิกเป็นผู้ควบคุมงานด้านสถาปัตยกรรม ส่วนรายละเอียดตามกฎกระทรวงกำหนดวิชาชีพวิศวกรรม บัญญัติโดยสรุปว่า อาคารที่เข้าข่ายเป็นอาคารควบคุมหมายถึงจำเป็นต้องมี วิศวกร ผู้ออกแบบ และ ควบคุมงาน มีลักษณะดังนี้ 1. อาคารที่มีความสูงตั้งแต่ 3 ชั้นขึ้นไป หรือโครงสร้างของ อาคาร ชั้นใดชั้นหนึ่งสูงตั้งแต่ 4 เมตร หรือ มีช่วงคารตั้งแต่ 5 เมตรขึ้นไป 2. อาคารสาธารณะทุกชนิด 3. โครงสร้างใต้ดินที่มีความลึกตั้งแต่ 1.50 ม. สำหรับอาคารที่ไม่เข้าข่ายดังกล่าว ไม่ถือว่าเป็นอาคารควบคุม ไม่จำเป็นต้องมี วิศวกร ออกแบบ และควบคุมงาน ดังนั้น พอที่จะสรุปได้ดังนี้ (ก) สำหรับอาคารพักอาศัยที่มีพื้นที่รวมน้อยกว่า 150 ตารางเมตร และมีความสูงไม่เกิน 2 ชั้น ความสูงชั้นใดชั้นหนึ่งไม่ถึง 4 เมตร และช่วงคานไม่ถึง 5 เมตร ไม่จำเป็นต้องใช้ สถาปนิก และ วิศวกร เป็นผู้ออกแบบส่วนเรื่องการควบคุมงาน ต้องจัดให้มีเฉพาะสถาปนิกเป็นผู้ควบคุมงาน แต่เรื่องดังกล่าวได้รับการยกเว้นไม่ต้องยื่นแบบแปลน รายการประกอบแบบ และรายการคำนวณ ให้ยื่นเพียงแผนผังบริเวณแสดงแนวที่ดิน แปลนพื้นชั้นล่าง และที่ตั้งของอาคารโดยสังเขปเท่านั้น โดยเจ้าของอาคารสามารถเซ็นรับรองเป็นผู้ควบคุมงานได้เอง (ข) สำหรับอาคารพักอาศัย ที่มีพื้นที่รวมตั้งแต่ 150 ตารางเมตร หรือมีความสูงตั้งแต่ 3 ชั้น หรือความสูงชั้นใตชั้นหนึ่งตั้งแต่ 4 เมตร หรือมีช่วงคานตั้งแต่ 5 เมตร ต้องจัดให้มี สถาปนิก และ วิศวกร เป็นผู้ออกแบบ และควบคุมงาน
|
หน่วยงานท่านสร้างตึก และ มีประสพการณ์ตรวจสอบตึกอื่นๆมามากมายนะครับ ![]() (10 เม.ย. 68) ที่อาคารรัฐสภา คณะกรรมาธิการศึกษาการจัดทำและติดตามการบริหารงบประมาณประชุมเพื่อสอบถามการก่อสร้างอาคารสำนักงานตรวจเงินแผ่นดิน (สตง.) ที่ได้รับผลกระทบจากแผ่นดินไหว โดย สุรเชษฐ์ ประวีณวงศ์วุฒิ ประธานการประชุม ได้เชิญหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเข้าชี้แจง รวมถึง สุทธิพงษ์ บุญนิธิ รองผู้ว่าสำนักงาน สตง. สุทธิพงษ์ เปิดเผยว่า เกิดความเข้าใจผิดในโครงการก่อสร้างที่มีบริษัท อิตาเลียนไทยฯ เป็นผู้ชนะการประมูลแท้จริง แต่ผู้ดำเนินการคือ ไชน่า เรลเวย์ นัมเบอร์ 10 และมีการปรับแก้แบบการก่อสร้างในส่วนลิฟต์และทางเดินที่ไม่เป็นไปตามกฎหมาย โดยจุดแกนกลางของลิฟต์ (Core Lift) มีการปรับแก้แบบ เนื่องจากบริเวณดังกล่าวมีทั้งทางเดินหลักและทางเดินรอง การออกแบบทางเดินหลักต้องมีความกว้าง 2 เมตรตามกฎหมาย แต่การก่อสร้างและปูกำแพงหินอ่อนเสร็จแล้วจะทำให้พื้นที่ทางเดินหายไปข้างละ 5 เซนติเมตร เหลือความกว้างเพียง 1.90 เมตร ส่วนทางเดินรองเหลือความกว้างเพียง 1.40 เมตร ซึ่งถือว่าผิดกฎหมายการก่อสร้าง พ.ร.บ.ควบคุมอาคาร จึงได้ทำเรื่องให้มีการปรับเปลี่ยนให้เป็นไปตามแบบ โดยมีวุฒิวิศวกรเป็นผู้เซ็นรับรองแบบ สุทธิพงษ์ ยืนยันว่า “ไม่ว่าจะเป็นคณะของตนเองหรือคณะตรวจรับผู้ควบคุมงาน เราจะทำมากกว่าที่เราตรวจ เพราะถ้าผิดเมื่อไหร่ ทัวร์มันจะลงมากกว่าปกติ มันผิดจรรยาบรรณ” เขายังเสริมด้วยว่า “ถ้าผมจะสร้างบ้านเพื่อให้บ้านล้มทับคนของผม 2,400 คน ผมต้องเอาอำมหิตเบอร์ไหน ถ้าการออกแบบครั้งนี้เกิดจากความเผอเรอ หรือประมาทท่านกำลังจะฆ่าคนนะครับ วิศวกรท่านหนึ่งเคยกล่าวไว้ว่า แผ่นดินไหวไม่เคยฆ่าคน คนออกแบบนี่แหละเป็นคนฆ่าคน” ทั้งนี้ สตง. ได้จัดทีมตรวจสอบโครงสร้างอาคาร พร้อมขอความร่วมมือจาก องค์กรต่อต้านคอร์รัปชัน (ACT) เพื่อเพิ่มความโปร่งใสในการบริหารโครงการ นอกจากนี้ยังรายงานการแจ้งประกันภัยวงเงิน 2,136 ล้านบาท เพื่อเยียวยาผู้ประสบภัย พร้อมกับการปรับแผนสร้างสำนักงานใหม่จากตึกสูงเป็นตึกแนวราบที่ดินเช่าจากการไฟฟ้าแห่งประเทศไทย Credit To : https://thestatestimes.com/post/2025041024 ข้อสงสัย คือ
หน่วยงานท่านสร้างตึก จำนวนมาก และ มีประสพการณ์ตรวจสอบตึกอื่นๆ ของหน่วยงาน ราชการ มามากมาย น่าจะ เกิน 10 ปี แล้ว นะครับ
ถ้าไม่เกิดเหตุ แผ่นดินไหว ขึ้นมา ก็ไม่รู้ว่า การก่อสร้าง อาคาร ของ ประเทศเรา บางหน่วยงาน มีสภาพ เป็นแบบนี้ ได้อย่างไร
|
The Rogfast tunnel ![]() วิเคราะห์รายละเอียดทางวิศวกรรมโยธาของโครงการอุโมงค์ Rogfast :
ข้อมูลจำเพาะทางเทคนิคและความท้าทาย: อุโมงค์ Rogfast จะเป็นระบบอุโมงค์ใต้ทะเลที่สร้างสถิติโลกหลายด้าน: - ความลึกสูงสุด: ประมาณ 392 เมตรใต้ระดับน้ำทะเล - ความยาวรวม: 26.7 กิโลเมตร - การออกแบบท่อคู่ (Twin-tube) พร้อมช่องจราจร 3 ช่องในแต่ละทิศทาง - มีทางเชื่อมระหว่างท่อเป็นระยะเพื่อความปลอดภัย - ต้องการระบบระบายอากาศที่ซับซ้อนเนื่องจากความยาวที่มาก
นวัตกรรมการออกแบบทางธรณีวิทยา: - การออกแบบโครงสร้างรองรับชั้นหินที่หลากหลาย: * ชั้นหิน Phyllite และ Schist * ส่วนของหิน Gneiss และ Granite * การเสริมแรงพิเศษในจุดที่หินอ่อนแอ - ใช้เทคโนโลยี 3D Geological Modeling - ระบบจำลองพฤติกรรมของชั้นหินแบบ Real-time - การวิเคราะห์แรงดันน้ำด้วย Advanced Hydraulic Modeling
ความก้าวหน้าด้านวัสดุศาสตร์: - คอนกรีตพิเศษทนแรงดันน้ำสูง - วัสดุซีลกันน้ำประสิทธิภาพสูง - เหล็กเสริมที่ทนการกัดกร่อนในสภาพแวดล้อมทะเล - วัสดุ Composite ที่พัฒนาขึ้นเฉพาะสำหรับโครงการ
ระบบโครงสร้างอัจฉริยะ: - ระบบตรวจวัดการเปลี่ยนแปลงของโครงสร้างแบบ Real-time - เซ็นเซอร์ตรวจจับการเคลื่อนตัวความละเอียดสูง - ระบบ Structural Health Monitoring แบบ AI - การใช้ Digital Twin ในการบริหารจัดการโครงสร้าง
นวัตกรรมด้านความปลอดภัย: - ห้องหลบภัยอัจฉริยะควบคุมด้วย AI - ระบบดับเพลิงอัตโนมัติรุ่นล่าสุด - ระบบระบายอากาศที่ปรับตัวตามสภาพแวดล้อม - ระบบอพยพฉุกเฉินที่ควบคุมด้วยคอมพิวเตอร์
การออกแบบเพื่อความยั่งยืน: - ระบบผลิตพลังงานจากการสั่นสะเทือนของรถ - การนำน้ำใต้ดินมาใช้ในระบบหล่อเย็น - วัสดุก่อสร้างที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม - ระบบบำบัดน้ำเสียแบบครบวงจร
การบริหารจัดการการจราจร: - ความเร็วออกแบบ 110 กม./ชม. - รองรับปริมาณจราจร 13,000 คัน/วัน - ระบบควบคุมจราจรอัจฉริยะ - ป้ายจราจรแบบ Dynamic เปลี่ยนข้อความตามสภาพจราจร
เทคโนโลยีการก่อสร้าง 4.0: - การใช้หุ่นยนต์ในงานก่อสร้างที่เสี่ยงอันตราย - ระบบ BIM 7D สำหรับการบริหารโครงการ - การใช้ AI วางแผนและควบคุมงานก่อสร้าง - ระบบ IoT ติดตามความก้าวหน้าของงาน
รายละเอียดเกี่ยวกับวัสดุพิเศษที่ใช้ในโครงการอุโมงค์ Rogfast :
1. คอนกรีตพิเศษ (Advanced Concrete): - Ultra-High Performance Concrete (UHPC): * กำลังอัดสูงถึง 150-200 MPa * ผสมเส้นใยเหล็กจิ๋ว (Micro Steel Fibers) * ความพรุนต่ำมาก ทนแรงดันน้ำสูง * อายุการใช้งานคาดการณ์มากกว่า 100 ปี * ความสามารถในการซ่อมแซมตัวเอง (Self-healing properties)
- คอนกรีตพ่น (Shotcrete) รุ่นพิเศษ: * ผสมนาโนซิลิกา เพิ่มความแข็งแรง * สารเร่งการแข็งตัวชนิดไม่มีด่าง (Alkali-free accelerator) * เส้นใยสังเคราะห์ผสมเส้นใยเหล็ก (Hybrid fibers) * ความสามารถยึดเกาะสูงพิเศษ * ควบคุมการหดตัวด้วยสารพิเศษ
2. เหล็กเสริมนวัตกรรม: - เหล็กเสริมเคลือบสารป้องกันการกัดกร่อน: * เคลือบด้วย Epoxy รุ่นพิเศษทนน้ำทะเล * มีชั้น Zinc-rich primer * ระบบป้องกันการกัดกร่อนแบบ Cathodic * อายุการใช้งานมากกว่า 120 ปี
- เหล็กเสริม Stainless Steel พิเศษ: * เกรด Duplex สำหรับสภาพแวดล้อมทะเล * ความแข็งแรงสูงกว่าเหล็กปกติ 30% * ทนการกัดกร่อนจากคลอไรด์สูงมาก * สามารถเชื่อมต่อได้ง่าย
3. วัสดุซีลและกันซึม: - แผ่นกันซึม (Waterproofing Membrane): * ความหนา 3-4 มม. * ทนแรงดันน้ำได้มากกว่า 20 บาร์ * มีคุณสมบัติ Self-adhesive * ทนทานต่อการฉีกขาดสูง
- วัสดุอุดรอยต่อ (Joint Sealant): * พัฒนาพิเศษสำหรับแรงดันน้ำสูง * ยืดหยุ่นได้มากกว่า 200% * ทนสารเคมีและน้ำทะเล * อายุการใช้งานยาวนาน
4. วัสดุ Rock Bolt พิเศษ: - Rock Bolt แบบ Self-drilling: * เหล็กพิเศษเกรดสูง * ระบบเรซินยึดเกาะแบบ 2 ส่วน * มีระบบตรวจวัดแรงดึงในตัว * เคลือบป้องกันการกัดกร่อนพิเศษ
5. วัสดุ Grouting นวัตกรรม: - ซีเมนต์ Micro-fine: * ขนาดอนุภาคเล็กกว่า 5 ไมครอน * ความสามารถไหลซึมสูง * กำลังอัดสูงพิเศษ * ควบคุมการบ่มด้วยสารพิเศษ
6. วัสดุ Composite สมัยใหม่: - เสริมกำลังด้วย Carbon Fiber: * น้ำหนักเบาแต่แข็งแรงสูง * ทนการกัดกร่อนสมบูรณ์ * ติดตั้งง่าย รวดเร็ว * ใช้ในจุดที่ต้องการซ่อมแซมพิเศษ
การควบคุมคุณภาพวัสดุ: - ระบบ QC/QA แบบ Real-time - การทดสอบในห้องปฏิบัติการที่ได้มาตรฐานสูง - การติดตามอายุการใช้งานด้วยเซ็นเซอร์ - การประเมินสภาพวัสดุด้วย AI
วัสดุพิเศษเหล่านี้ถูกเลือกใช้เพื่อรับมือกับสภาพแวดล้อมที่ท้าทาย ทั้งแรงดันน้ำสูง น้ำทะเล และความลึกมาก โดยมุ่งเน้นความทนทานระยะยาวและการบำรุงรักษาที่น้อยที่สุด ซึ่งถือเป็นการยกระดับมาตรฐานการใช้วัสดุในงานอุโมงค์ใต้ทะเลของโลก
รายละเอียดระบบการติดตามและประเมินสภาพวัสดุด้วยเทคโนโลยีสมัยใหม่ในโครงการ Rogfast:
1. ระบบติดตามอายุการใช้งานด้วยเซ็นเซอร์ (Structural Health Monitoring Sensors): การติดตั้งเซ็นเซอร์: - Fiber Optic Sensors (FOS): * ติดตั้งในเนื้อคอนกรีตขณะเทเพื่อตรวจวัดความเครียด * วัดการเปลี่ยนแปลงอุณหภูมิแบบต่อเนื่อง * ตรวจจับการแตกร้าวขนาดเล็ก (Micro-cracks) * ความละเอียดในการวัดสูงถึง 0.01 มิลลิเมตร
- Piezoelectric Sensors: * ตรวจวัดแรงสั่นสะเทือนในโครงสร้าง * วัดการเปลี่ยนแปลงความดันในเนื้อวัสดุ * บ่งชี้การเสื่อมสภาพของวัสดุ * ส่งข้อมูลแบบ Real-time
- Corrosion Monitoring Sensors: * ติดตั้งที่เหล็กเสริมเพื่อวัดอัตราการกัดกร่อน * ตรวจวัดความเป็นด่างในคอนกรีต * วัดปริมาณคลอไรด์ที่แทรกซึม * แจ้งเตือนเมื่อพบการกัดกร่อนเริ่มต้น
2. การประเมินสภาพวัสดุด้วย AI:
ระบบ AI Analysis: - Deep Learning Models: * วิเคราะห์รูปแบบความเสียหายจากข้อมูลเซ็นเซอร์ * ประมวลผลภาพจากกล้องตรวจสอบ * คาดการณ์อายุการใช้งานที่เหลือ * แจ้งเตือนล่วงหน้าก่อนเกิดความเสียหาย
- Pattern Recognition: * เรียนรู้พฤติกรรมปกติของโครงสร้าง * ตรวจจับความผิดปกติในระยะเริ่มต้น * วิเคราะห์แนวโน้มการเสื่อมสภาพ * สร้างแบบจำลองการเสื่อมสภาพ
การทำงานร่วมกันของระบบ: - Digital Twin Integration: * สร้างแบบจำลอง 3D แบบ Real-time * แสดงสถานะวัสดุแบบ Visual * จำลองผลกระทบของความเสียหาย * วางแผนการซ่อมบำรุงเชิงป้องกัน
- Predictive Maintenance: * ใช้ AI วิเคราะห์ข้อมูลจากเซ็นเซอร์ * คาดการณ์เวลาที่ต้องซ่อมบำรุง * ออกแบบแผนการซ่อมบำรุงที่เหมาะสม * ลดค่าใช้จ่ายในการบำรุงรักษา
ระบบรายงานและแจ้งเตือน: - Real-time Monitoring Dashboard: * แสดงสถานะวัสดุแบบ Real-time * รายงานค่าวิกฤติที่ต้องเฝ้าระวัง * แจ้งเตือนอัตโนมัติเมื่อพบความผิดปกติ * ระบุพื้นที่ที่ต้องการการตรวจสอบ
- Historical Data Analysis: * เก็บประวัติการเปลี่ยนแปลงทั้งหมด * วิเคราะห์แนวโน้มระยะยาว * เปรียบเทียบกับมาตรฐานการออกแบบ * ปรับปรุงแบบจำลอง AI อย่างต่อเนื่อง
ระบบนี้ช่วยให้: - ทราบสภาพวัสดุแบบ Real-time - คาดการณ์ปัญหาก่อนเกิดความเสียหาย - วางแผนซ่อมบำรุงได้อย่างมีประสิทธิภาพ - ยืดอายุการใช้งานของโครงสร้าง - ลดค่าใช้จ่ายในการบำรุงรักษาระยะยาว
นี่เป็นระบบที่ทันสมัยที่สุดในการติดตามและประเมินสภาพวัสดุในโครงการอุโมงค์ใต้ทะเล ซึ่งช่วยให้มั่นใจได้ว่าโครงสร้างจะมีความปลอดภัยและคงทนตลอดอายุการใช้งาน
รายละเอียดขั้นตอนการก่อสร้างของโครงการ Rogfast พร้อมระยะเวลาในแต่ละขั้นตอน:
1. ขั้นตอนเตรียมการ (Preparatory Phase) - 2 ปี: - การสำรวจพื้นที่โดยละเอียด: * สำรวจธรณีวิทยาใต้ทะเลด้วยเรือสำรวจพิเศษ * เจาะสำรวจชั้นดินทุก 500 เมตร ลึกถึง 400 เมตร * ทำแบบจำลอง 3D ของชั้นหินทั้งหมด * ติดตั้งสถานีตรวจวัดการเคลื่อนตัวของดิน
- การเตรียมพื้นที่ก่อสร้าง: * สร้างท่าเรือชั่วคราวสำหรับขนส่งวัสดุ * ติดตั้งระบบไฟฟ้าแรงสูงชั่วคราว * สร้างโรงงานผลิตชิ้นส่วนคอนกรีตพิเศษ * จัดเตรียมพื้นที่กองเก็บวัสดุขนาดใหญ่
2. การขุดเจาะอุโมงค์ (Tunnel Excavation) - 5 ปี: - การขุดเจาะด้วย TBM: * ใช้ TBM 4 เครื่องทำงานพร้อมกัน * ความเร็วเฉลี่ย 8-12 เมตรต่อวัน * ระบบขนถ่ายหินอัตโนมัติด้วยสายพาน * ระบบตรวจวัดหน้าดินแบบ Real-time
- การใช้วิธี Drill & Blast: * ใช้ในพื้นที่หินแข็งพิเศษ * ความก้าวหน้า 4-6 เมตรต่อรอบ * ใช้ระเบิดแบบ Electronic Detonators * ควบคุมการสั่นสะเทือนด้วยระบบคอมพิวเตอร์
3. งานโครงสร้าง (Structural Works) - 3 ปี: - การติดตั้งระบบค้ำยัน: * Rock Bolts ยาว 3-6 เมตร ทุก 1.5 เมตร * Steel Ribs ในพื้นที่หินอ่อน * Shotcrete หนา 15-25 ซม. * แผ่น Waterproofing Membrane
- การเทคอนกรีตดาดอุโมงค์: * ใช้แบบเลื่อน (Sliding Formwork) * เทคอนกรีตต่อเนื่อง 24 ชั่วโมง * ระบบควบคุมคุณภาพอัตโนมัติ * การบ่มคอนกรีตด้วยระบบพิเศษ
4. งานระบบ (MEP Installation) - 2 ปี: - ระบบระบายอากาศ: * พัดลมขนาดใหญ่ 40 ชุด * ท่อระบายอากาศเส้นผ่านศูนย์กลาง 3 เมตร * ระบบกรองอากาศอัตโนมัติ * ระบบควบคุมควันไฟ
- ระบบไฟฟ้าและแสงสว่าง: * ไฟ LED ประหยัดพลังงาน * ระบบไฟฟ้าสำรองคู่ * สถานีไฟฟ้าย่อย 4 แห่ง * ระบบควบคุมแสงสว่างอัตโนมัติ
5. งานระบบความปลอดภัย (Safety Systems) - 1 ปี: - ห้องหลบภัย: * ทุก 250 เมตร * ระบบอากาศอัดอิสระ * ระบบสื่อสารฉุกเฉิน * เสบียงและน้ำสำรอง 36 ชั่วโมง
- ระบบดับเพลิง: * ท่อน้ำดับเพลิงแรงดันสูง * ระบบตรวจจับควันอัตโนมัติ * ระบบฉีดน้ำหมอกแรงดันสูง * รถดับเพลิงประจำการ 24 ชั่วโมง
6. การทดสอบระบบ (Testing & Commissioning) - 1 ปี: - การทดสอบระบบทั้งหมด: * จำลองสถานการณ์ฉุกเฉิน * ทดสอบระบบระบายอากาศ * ตรวจสอบระบบไฟฟ้า * ทดสอบระบบสื่อสาร
เว็บไซต์อ้างอิงที่สำคัญ: 1. Norwegian Tunnelling Society: https://www.tunnel.no/
2. International Tunnelling Association: https://tunnel.ita-aites.org/ ระบบ IOT ในการติดตามงานก่อสร้างอุโมงค์ Rogfast อย่างละเอียด:
1. ระบบติดตามเครื่องจักรและอุปกรณ์ (Machine & Equipment Tracking):
- ระบบ Real-time Location System (RTLS): * ติดตั้ง GPS/GNSS บนเครื่องจักรทุกเครื่อง * เซ็นเซอร์วัดระยะทางและความเร็ว * ระบบบันทึกชั่วโมงการทำงาน * เซ็นเซอร์วัดการใช้เชื้อเพลิง * ระบบแจ้งเตือนการบำรุงรักษา * การวิเคราะห์ประสิทธิภาพการทำงาน
- ระบบติดตามสถานะเครื่องจักร: * เซ็นเซอร์วัดอุณหภูมิเครื่องยนต์ * ตรวจวัดแรงสั่นสะเทือน * ระบบตรวจสอบน้ำมันเครื่อง * ตรวจวัดแรงดันไฮดรอลิก * ระบบแจ้งเตือนความผิดปกติ * บันทึกประวัติการซ่อมบำรุง
2. ระบบติดตามการขุดเจาะอุโมงค์ (Tunnel Boring Monitoring):
- เซ็นเซอร์บน TBM: * ระบบนำทางอัตโนมัติ * เซ็นเซอร์วัดแรงกดที่หัวเจาะ * ระบบวัดความเร็วการหมุน * เซ็นเซอร์วัดแรงบิด * ระบบตรวจวัดการสึกหรอ * เซ็นเซอร์วัดอุณหภูมิการทำงาน
- ระบบติดตามการขุดเจาะ: * GPS ใต้ดินความแม่นยำสูง * ระบบวัดระยะทางการขุด * เซ็นเซอร์วัดความดันดิน * ระบบตรวจวัดก๊าซใต้ดิน * เซ็นเซอร์วัดแรงสั่นสะเทือน * ระบบบันทึกข้อมูลการขุด
3. ระบบติดตามวัสดุก่อสร้าง (Material Tracking):
- RFID Tracking System: * ติด Tag RFID ที่วัสดุทุกชิ้น * เครื่องอ่าน RFID ที่จุดขนถ่าย * ระบบบันทึกการเคลื่อนย้าย * ติดตามอุณหภูมิคอนกรีต * ควบคุมคุณภาพวัสดุ * ระบบจัดการคลังวัสดุ
- ระบบควบคุมคุณภาพ: * เซ็นเซอร์วัดความชื้น * ระบบตรวจสอบการแข็งตัว * เซ็นเซอร์วัดอุณหภูมิ * ระบบติดตามการบ่ม * การทดสอบกำลังอัด * บันทึกผลการทดสอบ
4. ระบบติดตามความปลอดภัย (Safety Monitoring):
- Environmental Monitoring: * ตรวจวัดคุณภาพอากาศ * เซ็นเซอร์วัดก๊าซพิษ * ระบบตรวจจับควัน * วัดระดับเสียง * ตรวจวัดฝุ่นละออง * ระบบเตือนภัยฉุกเฉิน
- Worker Safety System: * อุปกรณ์ GPS ติดตามคนงาน * เซ็นเซอร์วัดสัญญาณชีพ * ระบบตรวจจับการล้ม * อุปกรณ์แจ้งเหตุฉุกเฉิน * ระบบควบคุมการเข้าออก * การติดตามเวลาทำงาน
5. ระบบ Command & Control:
- Real-time Dashboard: * แสดงตำแหน่งเครื่องจักร * ติดตามความก้าวหน้า * รายงานการใช้วัสดุ * สถานะความปลอดภัย * แจ้งเตือนความผิดปกติ * วิเคราะห์ประสิทธิภาพ
- Data Analytics: * AI วิเคราะห์ข้อมูล * การคาดการณ์ปัญหา * วางแผนการบำรุงรักษา * ประเมินความเสี่ยง * วิเคราะห์ต้นทุน * รายงานสรุปโครงการ
6. ระบบสื่อสารและเครือข่าย:
- Network Infrastructure: * ระบบ 5G ใต้ดิน * เครือข่าย WiFi ความเร็วสูง * ระบบสื่อสารฉุกเฉิน * การเชื่อมต่อดาวเทียม * ระบบสำรองข้อมูล * ความปลอดภัยทางไซเบอร์
These are detailed civil engineering analysis of the Rogfast tunnel project:
Technical Specifications and Challenges: The Rogfast tunnel will be a groundbreaking subsea tunnel system, setting multiple world records: - Maximum depth: Approximately 392 meters below sea level - Total length: 26.7 kilometers - Twin-tube design with three lanes in each direction - Regular cross-connections between tubes for safety - Complex ventilation system required due to extreme length
Geological Considerations: - The tunnel will be bored through varied Norwegian bedrock, primarily consisting of: * Phyllite and schist formations * Gneiss and granite sections * Potential zones of weakness requiring special reinforcement - Extensive geological surveys and core sampling have been conducted to map rock quality - Water pressure management is critical due to extreme depth
Construction Methods: The project employs multiple advanced tunneling techniques: - Drill and blast method for hard rock sections - Systematic rock bolting and shotcrete reinforcement - Waterproofing measures including pre-injection grouting - Advanced tunnel boring machines (TBMs) for suitable sections - Continuous probe drilling ahead of excavation to detect potential water ingress
Safety Features: - Emergency shelters placed at regular intervals - Advanced fire suppression systems - Dedicated emergency access points - Continuous air quality monitoring - High-capacity drainage systems to handle groundwater
Environmental Impact Measures: - Careful disposal of excavated materials - Monitoring of marine ecosystem above tunnel route - Reduced emissions compared to current ferry-dependent route - Noise reduction measures during construction - Protection of groundwater resources
Traffic Management: - Design speed of 110 km/h - Expected daily traffic: 13,000 vehicles - Advanced traffic monitoring systems - Variable message signs for real-time information - Dedicated emergency response facilities
Innovation Aspects: - Implementation of AI-based monitoring systems - Use of digital twin technology for maintenance - Smart ventilation control systems - Advanced rock stress monitoring - Real-time deformation measurement systems
|
อุโมงค์ทางด่วนเทียนซาน เฉิงลี่ (Tianshan Shengli Tunnel) ![]() ผมจะเขียนรายละเอียดเกี่ยวกับอุโมงค์ทางด่วนเทียนซาน เฉิงลี่ ให้ครอบคลุมประมาณ 5 หน้า:
อุโมงค์ทางด่วนเทียนซาน เฉิงลี่ (Tianshan Shengli Tunnel)
1. ข้อมูลทั่วไปและความสำคัญ
อุโมงค์เทียนซาน เฉิงลี่ เป็นอุโมงค์ทางหลวงที่ยาวที่สุดในเขตภูเขาสูงของจีนตะวันตก ตั้งอยู่ในเทือกเขาเทียนซาน มณฑลซินเจียง ด้วยความยาว 22.13 กิโลเมตร อุโมงค์แห่งนี้เป็นส่วนสำคัญของทางหลวง G7 ที่เชื่อมระหว่างเมืองอูรุมชีและเมืองคุนหมิง
อุโมงค์นี้ช่วยลดระยะทางการเดินทางระหว่างอูรุมชีและเมืองคอร์ลาลงได้ 100 กิโลเมตร และลดเวลาเดินทางลงประมาณ 2 ชั่วโมง นอกจากนี้ยังช่วยหลีกเลี่ยงเส้นทางภูเขาที่อันตรายและมีสภาพอากาศรุนแรง ทำให้การขนส่งในภูมิภาคมีความปลอดภัยและมีประสิทธิภาพมากขึ้น
2. การออกแบบและการก่อสร้าง
อุโมงค์เทียนซาน เฉิงลี่ ได้รับการออกแบบให้มีสองช่องทาง แต่ละช่องทางมีความกว้าง 10.25 เมตร และความสูง 7.1 เมตร ระบบระบายอากาศแบบตามยาวถูกติดตั้งตลอดความยาวของอุโมงค์ พร้อมด้วยพัดลมขนาดใหญ่ที่ควบคุมการไหลเวียนของอากาศ
การก่อสร้างเริ่มต้นในปี 2019 และใช้เทคโนโลยีการขุดเจาะที่ทันสมัย รวมถึงเครื่องเจาะอุโมงค์ (TBM) ขนาดใหญ่ที่ออกแบบมาเป็นพิเศษสำหรับสภาพธรณีวิทยาที่ซับซ้อนของเทือกเขาเทียนซาน การก่อสร้างต้องเผชิญกับความท้าทายหลายประการ เช่น:
- สภาพธรณีวิทยาที่ซับซ้อนและหลากหลาย - ความกดดันของภูเขาที่สูงมาก - อุณหภูมิที่แตกต่างกันมากระหว่างฤดูกาล - ความเสี่ยงจากแผ่นดินไหวในพื้นที่
3. เทคโนโลยีและนวัตกรรม
อุโมงค์แห่งนี้ได้นำเทคโนโลยีและนวัตกรรมที่ทันสมัยมาใช้ในการก่อสร้างและการดำเนินงาน ได้แก่:
ระบบควบคุมอัจฉริยะ: - ระบบตรวจจับและควบคุมการจราจรอัตโนมัติ - กล้องวงจรปิดความละเอียดสูงติดตั้งทุก 150 เมตร - เซ็นเซอร์ตรวจวัดคุณภาพอากาศและอุณหภูมิ - ระบบแจ้งเตือนเหตุฉุกเฉินและดับเพลิงอัตโนมัติ
การป้องกันความปลอดภัย: - ทางหนีไฟและห้องหลบภัยทุก 750 เมตร - ระบบไฟฟ้าสำรองและเครื่องกำเนิดไฟฟ้าฉุกเฉิน - ระบบสื่อสารฉุกเฉินตลอดความยาวอุโมงค์ - จุดจอดรถฉุกเฉินทุก 2 กิโลเมตร
4. ผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมและการอนุรักษ์
การก่อสร้างอุโมงค์คำนึงถึงผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมเป็นสำคัญ มีการดำเนินมาตรการต่างๆ เพื่อลดผลกระทบ ได้แก่:
การจัดการของเสีย: - การนำวัสดุจากการขุดเจาะกลับมาใช้ในการก่อสร้าง - ระบบบำบัดน้ำเสียที่เกิดจากการก่อสร้าง - การควบคุมฝุ่นละอองและมลพิษทางอากาศ
การอนุรักษ์ระบบนิเวศ: - การปลูกต้นไม้ทดแทนในพื้นที่ที่ได้รับผลกระทบ - การออกแบบทางเดินสัตว์ป่าเพื่อรักษาเส้นทางการอพยพ - การติดตามผลกระทบต่อแหล่งน้ำใต้ดินอย่างต่อเนื่อง
5. ประโยชน์ทางเศรษฐกิจและสังคม
อุโมงค์เทียนซาน เฉิงลี่ สร้างประโยชน์มากมายให้กับภูมิภาค:
ด้านเศรษฐกิจ: - เพิ่มประสิทธิภาพการขนส่งสินค้าระหว่างภูมิภาค - ลดต้นทุนการขนส่งและการใช้เชื้อเพลิง - กระตุ้นการพัฒนาอุตสาหกรรมและการท่องเที่ยว - สร้างงานทั้งในช่วงก่อสร้างและดำเนินการ
ด้านสังคม: - เพิ่มความปลอดภัยในการเดินทาง - เชื่อมโยงชุมชนห่างไกลเข้ากับศูนย์กลางเศรษฐกิจ - พัฒนาคุณภาพชีวิตของประชาชนในพื้นที่ - ส่งเสริมการแลกเปลี่ยนทางวัฒนธรรมระหว่างภูมิภาค
อุโมงค์เทียนซาน เฉิงลี่ เป็นตัวอย่างของความสำเร็จในการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานขนาดใหญ่ที่ผสมผสานเทคโนโลยีทันสมัย การคำนึงถึงสิ่งแวดล้อม และประโยชน์ทางเศรษฐกิจและสังคมเข้าด้วยกัน นับเป็นโครงการสำคัญที่ช่วยพัฒนาการเชื่อมต่อและการพัฒนาในภูมิภาคตะวันตกของจีน |
AI พัฒนาการในการ ทำแบบก่อสร้าง สำหรับสถาปนิกและวิศวกร ![]() ไปเริ่มหัดเล่น AI ที่คณะสถาปัตย์ จุฬาฯ พอจะรู้หลักการ เริ่มต้น ตั้งแต่ ChatGPT,Gemini จนไปถึงการสร้างรูปภาพ โดย Midjourney และการสร้าง วีดีโอ โดยใช้ Text Prompt Web site ที่ให้ลองใช้งานเกิดขึ้นมากมาย แข่งขันกันทุกวัน ไม่น่าเชื่อว่า Google serch engine ธรรมดา จะโดน Disrupt ได้รวดเร็ว ขนาดนี้ การที่จะเข้าใจแต่ละ เวบ ก็ต้องเรียนรู้จดจำ การใช้คำศัพท์ เฉพาะ เพื่อที่จะได้ผล ตามที่ต้องการ เหมือนเป็นการเรียนรู้ภาษาใหม่ อีกครั้งนีงเลย คล้ายๆ กับว่า อีกหน่อย คนเราจะเรียนหนังสือจบใหม่ๆ แบบลงลึก แค่ไหน ก็ตามไม่ทัน AI ยังนึกภาพ การเรียนการสอน ในอนาคต ของ วิศวกร ไม่ออกเหมือนกัน ภาพที่ขึ้นหน้าปก ก็ทำจาก AI แบบเสียค่าสมาชิก ตอนนี้ โปรแกรมออกแบบโครงสร้าง ก็ยังต้องป้อนข้อมูลตามกฎระเบียบของผู้พัฒนาโปรแกรม ยังใช้เวลาอยู่มากกว่าจะจำลองอาคารสูงสักหลัง ต่อไป เข้าใจว่า โปรแกรม พวกนี้ มันคงจะดูแต่ แบบ สถาปัตย์ แล้ว มันก็สามารถ ออกแบบ ชิ้นส่วน เสา ผนังลิฟท์ คาน พื้น ฐานราก เสาเข็ม ออกมาให้ได้ หลายๆแบบ พร้อมถอดราคาออกมาได้เลย ไม่ต้องใช้คนมาประมาณราคา อีกต่อนึง บริษัท สถาปนิก และ บริษัท วิศวกร ที่ทำงานเฉพาะงานออกแบบ คงมีขนาดเล็กลงมากๆ แต่งาน ควบคุมงาน น่าจะไม่โดนผลกระทบอะไร มากมาย เพียงแต่จะมี เครื่องจักร เข้ามาช่วยงานก่อสร้าง ให้ทำงานได้รวดเร็วขึ้นได้กว่าปัจจุบัน |
งานวิศวกรที่เกี่ยวข้องกับความขัดแย้งจนต้องขึ้นศาล ![]() บางทีการทำงานช่วงอายุเยอะ วุฒิวิศวกร ก็หนีไม่พ้น เรื่องกฎหมาย ที่ บางทีเราก็ไปเป็นพยานช่วยเหลือโจทก์ บางที วุฒิวิศวกรโยธา ก็ไปเป็นพยานช่วยเหลือจำเลย เช่นเรื่องงานทำห้องใต้ดิน บางทีผู้รับเหมาใหญ่ก็ไม่สามารถรับเงินค่าเสียหาย ที่บ้านข้างเคียงฟ้องร้องมาได้ บ้านข้างเคียงที่ไม่รู้เรื่องช่างก็ต้องจ้าง วิศวกรโยธา ไปทำการ ตรวจสอบ ทำรายงาน วิเคราะห์หาสาเหตุของความเสียหาย และหรือ ค่าใช้จ่ายในการซ่อมแซมเพิ่อคืนสภาพเดิมก่อนที่จะมีการก่อสร้าง และทนายความ ก็จะเรียกร้องค่าสูญเสียประโยชน์ ระหว่างที่ไม่ได้ใช้งานอาคาร บางที วิศวกรโยธา ก็ไปเป็นพยานช่วยเหลือฝ่าย เจ้าของงาน ที่มีปัญหาเรื่องการส่งมอบงานงวดสุดท้าย บางทีวิศวกรที่ปรึกษาของผู้ว่าจ้างทำงานแบบไม่มืออาชีพ รับงานไปแบบมั่วๆ หน้างานไม่ได้ตรวจสอบให้ละเอียด โครงหลังคา ใส่น๊อตไม่ครบ ก็ไม่ปีนขึ้นไปดู แบบ Asbuilding Drawing ก็ไม่ได้แก้ไข ให้เหมือนหน้างาน งานเปลี่ยนแปลงก็ไม่ได้ลดเงิน ที่ผรม.ทำผิดแบบไปเยอะในส่วนสาระสำคัญ บางทีก็เรื่องเงินทองมูลค่าของงานในสัญญาที่ทำไปแล้ว บางทีจ้าง บริษัทมาตรวจสอบราคาใหม่ มาตรวจเจอภายหลัง ที่ราคาสูงเกินจริงมากๆก็มี ให้เห็นบ่อยๆ แต่ ส่วนใหญ่ พอปลีกตัวได้ก็พยายามปลีกตัวออกให้ได้มากที่สุดเพราะ วิศวกรไทย เราส่วนใหญ่ ไม่ชำนาญเรื่องกฎหมายอาจจะพลาดพลั้งทนายความ ได้ ยิ่งมีกฎหมาย นิติบุคคลที่ขึ้นทะเบียนกับสภาวิศวกร เข้ามาครอบอีก ยิ่งยุ่งไปใหญ่ |
หน้า 1/15 1 2 3 4 5 6 7 8 9 10 11 12 13 14 15 [ถัดไป] | [Go to top] |