- บริการ ช่วย จัดตั้งเขตปลอดอากร โดย บริษัท 4 ดับบลิว ดีเวลลอปเมนท์ จำกัด ทีมงาน วุฒิวิศวกร ไฟฟ้า วุฒิวิศวกร เครื่องกล วุฒิสถาปนิก วุฒิวิศวกร อุตสาหการ นำทีมโดย วุฒิวิศวกรโยธา
- บริการจัดให้คำปรึกษา และปรับปรุง ให้มีระบบสาธารณูปโภค สิ่งอำนวยความสะดวก และบริการที่จำเป็น ตามความเหมาะสมกับลักษณะและขนาดของกิจการแต่ละประเภทบนพื้นฐานทั่วไปดังต่อไปนี้
- ระบบถนนภายในและถนนเชื่อมต่อกับถนนหรือทางสาธารณะภายนอกเขตปลอดอากร
- ระบบระบายน้ำฝนหรือระบบป้องกันน้ำท่วม
- ระบบประปา
- ระบบบำบัดน้ำเสียและระบบควบคุมและกำจัดมลพิษ
- ระบบสื่อสารโทรคมนาคม
- ระบบไฟฟ้า
- ระบบดับเพลิงและระบบป้องกันอุบัติภัย
- ระบบกำจัดกากอุตสาหกรรม มูลฝอย และสิ่งปฏิกูล
- ระบบติดตามตรวจสอบมลพิษและคุณภาพสิ่งแวดล้อม
- ระบบรักษาความปลอดภัย
เพื่อให้ท่านได้ สามารถ ขอ อนุญาติ กรมศุลกากร ให้ได้สิทธิประโยชน์ตามเขตปลอดอากรได้อย่างรวดเร็ว
เขตปลอดอากร (Free Zone)
จากหน้าเวบไซต์ http://www.customs.go.th/cont_strc_simple.php?ini_content=tax_incentive_160929_03&ini_menu=menu_tax_incentive&lang=th&left_menu=menu_tax_incentive_160928_04
เขตปลอดอากร (Free Zone) หมายถึง เขตพื้นที่ซึ่งอธิบดีกรมศุลกากรอนุมัติให้จัดตั้งขึ้นตามมาตรา 97 ตรี แห่งพระราชบัญญัติศุลกากร พ.ศ. 2469 ซึ่งแก้ไขเพิ่มเติมตามมาตรา 8 แห่ง พระราชบัญญัติศุลกากร (ฉบับที่ 18) พ.ศ. 2543 สำหรับการประกอบอุตสาหกรรม พาณิชยกรรม หรือกิจการอื่น ที่เป็นประโยชน์แก่การเศรษฐกิจของประเทศ โดยของที่นำเข้าไปในเขตดังกล่าวจะได้รับสิทธิประโยชน์ทางอากรตามที่กฎหมายบัญญัติ ซึ่งการจัดตั้งเขตปลอดอากรดังกล่าว สามารถกระทำได้โดยขออนุมัติต่ออธิบดีกรมศุลกากรเท่านั้น จึงมีความสะดวกรวดเร็วและเป็นหลักการที่มีความสอดคล้องกับหลักสากลดังที่บัญญัติไว้ในอนุสัญญาเกียวโตขององค์การศุลกากรโลก จึงเป็นการเพิ่มทางเลือกให้แก่ผู้ประกอบการส่งออกอีกทางหนึ่งที่จะเลือกใช้ให้เหมาะสมกับกิจการของตนได้
สิทธิประโยชน์ทางภาษีอากร ของที่นำเข้ามาในราชอาณาจักร
เพื่อนำเข้าไปใช้ในเขตปลอดอากรจะได้รับสิทธิประโยชน์ ดังนี้
- ได้รับยกเว้นอากรสำหรับเครื่องจักร อุปกรณ์ เครื่องมือ เครื่องใช้ รวมทั้งส่วนประกอบของของดังกล่าวที่จำเป็น และของที่นำเข้ามาในราชอาณาจักรและนำเข้าไปในเขตปลอดอากร สำหรับใช้ในการประกอบอุตสาหกรรม พาณิชยกรรมหรือกิจการอื่นใดที่เป็นประโยชน์แก่การเศรษฐกิจของประเทศ ทั้งนี้ ของที่ไม่ได้รับสิทธิยกเว้นอากรขาเข้าสำหรับของที่ได้นำเข้ามาในราชอาณาจักร เพื่อนำเข้าไปในเขตปลอดอากร ได้แก่
- ของต้องห้ามในการนำเข้ามาในราชอาณาจักร
- ของที่ใช้เพื่อการอุปโภค-บริโภคภายในเขตปลอดอากร
- ของใช้ส่วนตัวของบุคคลที่ปฏิบัติงานภายในเขตปลอดอากร
- รถยนต์ ยานยนต์ และรถจักรยานยนต์ ทุกประเภทและทุกขนาดที่ต้องจดทะเบียนและเสียภาษีประจำปีสำหรับการใช้รถตามพระราชบัญญัติรถยนต์ พ.ศ. 2522เว้นแต่ยานยนต์สำหรับใช้งานพิเศษ ตามประเภทพิกัด 87.05 และรถใช้งานตามประเภทพิกัด 87.09
- ให้ยกเว้นอากรขาออกสำหรับของที่ปล่อยออกจากเขตปลอดอากร เพื่อส่งออกนอกราชอาณาจักรตามมาตรา 97 เบญจวรรคสุดท้าย
- ได้รับยกเว้นภาษีสรรพสามิตสำหรับการนำเข้าและการผลิตของที่กระทำในเขตปลอดอากร รวมทั้งได้รับการยกเว้นภาษีสุราการปิดแสตมป์และค่าธรรมเนียมตามกฎหมายว่าด้วยสุรา กฎหมายว่าด้วยยาสูบ และกฎหมายว่าด้วยไพ่ ตามมาตรา 97 ฉ
- ได้รับยกเว้นไม่ต้องอยู่ภายในบังคับของกฎหมายในส่วนที่เกี่ยวกับการควบคุมมาตรฐานหรือคุณภาพ การประทับตราหรือเครื่องหมายใด ๆ สำหรับของที่นำเข้าไปในเขตปลอดอากรเพื่อผลิต ผสม ประกอบ บรรจุ หรือดำเนินการอื่นใดโดยมีวัตถุประสงค์เพื่อการส่งออกไปนอกราชอาณาจักร ตามมาตรา 97 สัตต
- ได้รับยกเว้นอากรสำหรับเศษวัสดุ ของที่เสียหาย ของที่ใช้ไม่ได้ หรือของที่ไม่ได้ใช้ที่ได้รับอนุญาตจากอธิบดีกรมศุลกากรให้นำออกจากเขตปลอดอากรเพื่อกำจัดหรือทำลาย ตามมาตรา 97 นว วรรคสอง
- ได้รับยกเว้นอากรหรือคืนอากร หากนำของที่มีกฎหมายบัญญัติให้ได้รับยกเว้นอากรหรือคืนเงินอากรเมื่อส่งออกนอกราชอาณาจักร เข้าไปในเขตปลอดอากร โดยให้ถือว่าของนั้นได้ส่งออกไปนอกราชอาณาจักรในเวลาที่ได้นำของเช่นว่านั้นเข้าไปในเขตปลอดอากร ตามมาตรา 97 อัฎฐ
- ได้รับยกเว้นภาษีมูลค่าเพิ่มสำหรับสินค้าต่างประเทศที่นำเข้าไปในเขตปลอดอากร ตามมาตรา 81(2) (ข) แห่งประมวลรัษฎากร ซึ่งแก้ไขเพิ่มเติมโดยพระราชบัญญัติแก้ไขเพิ่มเติมประมวลรัษฎากร (ฉบับที่ 35) พ.ศ. 2544
- เสียภาษีมูลค่าเพิ่มในอัตราร้อยละ 0 สำหรับการให้บริการที่กระทำในราชอาณาจักรเพื่อใช้ผลิตสินค้าในเขตปลอดอากรเพื่อส่งออก และการให้บริการที่กระทำในเขตอุตสาหกรรมส่งออกเพื่อใช้ผลิตสินค้าเพื่อส่งออก ตามมาตรา 80/1 (2) แห่งประมวลรัษฎากร ซึ่งแก้ไขเพิ่มเติมโดยพระราชบัญญัติแก้ไขเพิ่มเติมประมวลรัษฎากร (ฉบับที่ 35) พ.ศ. 2544
- เสียภาษีมูลค่าเพิ่มในอัตราร้อยละ 0 สำหรับการขายสินค้าหรือการให้บริการระหว่างผู้ประกอบการกับผู้ประกอบการที่ประกอบกิจการอยู่ในเขตปลอดอากร ไม่ว่าจะอยู่ในเขตเดียวกันหรือไม่ หรือระหว่างคลังสินค้าทัณฑ์บนกับผู้ประกอบการทีประกอบกิจการอยู่ในเขตปลอดอากร ตามมาตรา 80/1 (6) แห่งประมวลรัษฎากร ซึ่งแก้ไขเพิ่มเติมโดยพระราชบัญญัติแก้ไขเพิ่มเติมประมวลรัษฎากร (ฉบับที่ 35) พ.ศ.2544
การจัดตั้งเขตปลอดอากร
ผู้ประสงค์ขอจัดตั้งเขตปลอดอากรจะต้องปฏิบัติตามหลักเกณฑ์และเงื่อนไขการจัดตั้งเขตปลอดอากรที่กำหนดไว้ในประกาศกรมศุลกากรที่ 32/2559 ลงวันที่ 23 มีนาคม 2559
คุณสมบัติของผู้ขอจัดตั้งเขตปลอดอากร
- เป็นรัฐวิสาหกิจ หรือบริษัทมหาชน จำกัด ตามพระราชบัญญัติบริษัทมหาชนจำกัด พ.ศ. 2535 หรือบริษัท จำกัด ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ กรณีเป็นบริษัทจำกัดตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์จะต้องมีทุนจดทะเบียนที่ชำระแล้วไม่ต่ำกว่า 60 ล้านบาท หรือมีทุนจดทะเบียนชำระแล้วในจำนวนที่อธิบดีเห็นว่าเหมาะสมกับประเภทของกิจการแต่อย่างน้อยต้องไม่ต่ำกว่า 20 ล้านบาท กรณีเป็นผู้ขอจัดตั้งเขตปลอดอากรในพื้นที่เขตพัฒนาเศรษฐกิจพิเศษที่มิใช่รัฐวิสาหกิจหรือส่วนราชการจะต้องมีทุนจดทะเบียนที่ชำระแล้วไม่ต่ำกว่า 10 ล้านบาท หรือมีทุนจดทะเบียนชำระแล้วในจำนวนที่อธิบดีเห็นว่าเหมาะสมกับประเภทกิจการ
- เป็นกิจการที่มีฐานะทางการเงินมั่นคง โดยพิจารณาจากผลประกอบการที่ได้นำส่งงบการเงินต่อกระทรวงพาณิชย์ตามข้อกำหนดของกระทรวงพาณิชย์ ซึ่งผู้ตรวจสอบบัญชีรับอนุญาตได้รับรองว่าเป็นกิจการที่มีกำไรย้อนหลังสามปีบัญชีสุดท้ายติดต่อกัน สำหรับนิติบุคคลที่จดทะเบียนใหม่ต้องเสนอรายงานการศึกษาความเป็นไปได้ของโครงการประกอบการพิจารณาด้วย
- เป็นผู้มีกรรมสิทธิ์หรือสิทธิครอบครอง หรือเป็นผู้มีสิทธิบริหารจัดการในที่ดินหรือพื้นที่ที่ขอจัดตั้ง หรือมีหลักฐานแสดงการได้มาซึ่งกรรมสิทธิ์หรือสิทธิครอบครองในที่ดินหรือพื้นที่ หรือกรณีที่ดินที่ขอจัดตั้งมีการจดทะเบียนจำนอง จะต้องให้ผู้ที่เป็นเจ้าของกรรมสิทธ์หรือสิทธิครอบครองหรือผู้รับจำนองยินยอมให้ดำเนินการจัดตั้งเป็นเขตปลอดอากรได้
- ต้องไม่เคยมีประวัติการกระทำความผิดอย่างร้ายแรงตามกฎหมายว่าด้วยศุลกากร และกฎหมายอื่นที่เกี่ยวข้องกับการศุลกากร ย้อนหลัง 3 ปี นับแต่วันยื่นคำขอ
หลักเกณฑ์และเงื่อนไขในการจัดตั้งเขตปลอดอากร
- สถานที่ที่ขอจัดตั้งเขตปลอดอากรสำหรับการประกอบอุตสาหกรรม พาณิชยกรรม หรือกิจการอื่นใดที่เป็นประโยชน์แก่การเศรษฐกิจของประเทศ จะต้องตั้งอยู่ในบริเวณที่อธิบดีหรือผู้ที่อธิบดีมอบหมายเห็นว่าเหมาะสม และสามารถควบคุมการใช้สิทธิประโยชน์ทางภาษีอากรได้ โดยสอดคล้องกับการใช้ประโยชน์ในที่ดินตามกฎหมายว่าด้วยผังเมืองตลอดจนกฎหมายอื่นที่เกี่ยวข้องกำหนด และต้องได้รับอนุญาตจากหน่วยงานราชการที่เกี่ยวข้องตามวัตถุประสงค์ในการจัดตั้งเขตปลอดอากร ดังนี้
- สถานที่ที่ขอจัดตั้งเขตปลอดอากรสำหรับการประกอบอุตสาหกรรมต้องมีขนาดและพื้นที่เหมาะสมกับประเภทกิจการและต้องเป็น
- พื้นที่ที่ได้รับอนุมัติจากกระทรวงอุตสาหกรรมให้เป็นเขตประกอบการอุตสาหกรรมหรือเขตชุมชนอุตสาหกรรมประเภทอาคารโรงงานเอกเทศ หรือ
- พื้นที่ที่ได้รับอนุญาตจากการนิคมอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย
- ให้เป็นเขตอุตสาหกรรมทั่วไป และต้องได้รับอนุญาตหรือได้รับความยินยอมเป็นหนังสือจากสำนักงานนิคมอุตสาหกรรมนั้นๆ หรือ
- พื้นที่ที่ได้รับการส่งเสริมการลงทุนจากสำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุนในกิจการพัฒนาพื้นที่สำหรับกิจการอุตสาหกรรมประเภทนิคมหรือเขตอุตสาหกรรม ประเภทนิคมหรือเขตอุตสาหกรรมอัญมณีและเครื่องประดับ ประเภทนิคมหรือเขตอุตสาหกรรมเพื่ออนุรักษ์สิ่งแวดล้อม ประเภทนิคมหรือเขตอุตสาหกรรมด้านเทคโนโลยีประเภทวิจัยและพัฒนา หรือ
- พื้นที่เขตพัฒนาเศรษฐกิจพิเศษตามประกาศคณะกรรมการนโยบาย เขตพัฒนาเศรษฐกิจพิเศษกำหนด หรือ
- พื้นที่อื่นที่ได้รับอนุญาตให้ประกอบอุตสาหกรรมอื่นใดที่เป็นประโยชน์แก่การเศรษฐกิจของประเทศ โดยได้รับอนุญาตตามกฎหมายที่เกี่ยวข้อง เช่น กฎหมายว่าด้วยการผังเมือง กฎหมายว่าด้วยการจัดสรรที่ดิน กฎหมายว่าด้วยโรงงาน กฎหมายว่าด้วยการควบคุมการก่อสร้างอาคาร กฎหมายว่าด้วยการส่งเสริมและรักษาคุณภาพสิ่งแวดล้อมแห่งชาติ เป็นต้น หรือ
- พื้นที่ที่ขอจัดตั้งเขตปลอดอากรที่มีผู้ประกอบการอุตสาหกรรม พาณิชยกรรม หรือกิจการอื่นใดที่เป็นประโยชน์แก่การเศรษฐกิจอยู่ก่อนแล้ว โดยได้รับอนุญาตตามกฎหมายอื่นที่เกี่ยวข้อง
- สถานที่ที่ขอจัดตั้งเขตปลอดอากรสำหรับการประกอบพาณิชยกรรม จะต้องมีลักษณะเป็นศูนย์กระจายสินค้าระหว่างประเทศ (International Distribution Center) หรือเขตอุตสาหกรรม โลจิสติกส์ (Logistics Park) หรือกิจการศูนย์กระจายสินค้า (Distribution Center) ที่เกี่ยวเนื่องกับการประกอบอุตสาหกรรมและการค้าระหว่างประเทศ โดยมีพื้นที่ที่เหมาะสมขนาดไม่น้อยกว่า ๕๐ ไร่ และตั้งอยู่ในพื้นที่รัศมีไม่เกิน ๕๐ กิโลเมตรจากบริเวณท่าเรือหรือท่าอากาศยานระหว่างประเทศหรือจุดผ่านแดนถาวรหรือแนวระเบียงเศรษฐกิจอนุภูมิภาคลุ่มน้ำโขง (GMS Economic Corridors) หรือแนวระเบียงเศรษฐกิจอื่น หรือในพื้นที่อื่นที่กรมศุลกากรเห็นชอบ และมีสถานที่เก็บสินค้าควบคุมด้วยระบบคอมพิวเตอร์ที่ทันสมัย ทั้งนี้ ผู้ขอจัดตั้งต้องเป็นกิจการที่เกี่ยวข้องกับการนำของเข้า การส่งของออก กิจการที่เกี่ยวเนื่องกับการอุตสาหกรรมหรือกิจการที่เกี่ยวกับการเพิ่มมูลค่าสินค้า ได้แก่
- การค้า การบริการ หรือการขนส่งระหว่างประเทศ
- การกระจายสินค้า คลังสินค้า การซื้อมาและขายไป
- การบรรจุ การแบ่งบรรจุ การบรรจุใหม่ ในเชิงพาณิชยกรรม
- การปิดฉลากหรือเครื่องหมายอื่นใด การปิดฉลากใหม่
- การแสดงสินค้าหรือนิทรรศการ การประชุมระหว่างประเทศ
- การซ่อมแซม และงานด้านวิศวกรรม ในเชิงพาณิชยกรรม
- การตรวจสอบ วิเคราะห์ และรับรองคุณภาพของผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรมหรือผลผลิตทางเกษตรกรรม
- การประกอบกิจการในลักษณะของโรงพักสินค้านอกเขตทำเนียบท่าเรือ สำหรับการขนส่งต่อเนื่องหลายรูปแบบและ/หรือการขนส่งด้วยระบบตู้คอนเทนเนอร์บรรจุสินค้าของผู้นำของเข้าหรือผู้ส่งของออกมากกว่า ๑ ราย
- กิจการอื่นๆ ที่อธิบดีเห็นว่าเป็นประโยชน์ต่อการเศรษฐกิจของประเทศ
- ผู้ขอจัดตั้งเขตปลอดอากร ณ ท่าอากาศยานนานาชาติ หรือท่าเรือ หรือ จุดผ่านแดนถาวรต้องเป็นกิจการที่เกี่ยวข้องกับการนำของเข้า การส่งของออก การถ่ายลำ การผ่านแดน การเปลี่ยนแปลงรูปแบบของการขนส่ง (Multimodal or Combine transport) การเก็บรักษาสินค้า หรือกิจการ ที่เกี่ยวกับการเพิ่มมูลค่าสินค้า ได้แก่
- กิจการคลังสินค้าหรือโรงพักสินค้า ณ ท่าหรือที่ที่นำของเข้าหรือส่งของออก
- การค้า การบริการ หรือการขนส่งระหว่างประเทศ
- การแบ่งแยกกอง การจัดประเภท การคัดเลือก
- การบรรจุ การแบ่งบรรจุ การบรรจุใหม่
- การปิดฉลากหรือเครื่องหมายอื่นใด การปิดฉลากใหม่
- การผสม/ประกอบ (Combined cargo or Consolidated cargo)
- การซ่อมหรือสร้างอากาศยานหรือเรือ ชิ้นส่วน อุปกรณ์ เครื่องใช้ของอากาศยานหรือเรือ รวมทั้งภาชนะที่ใช้ในการขนส่ง
- คลังสินค้าสำหรับเก็บของใช้สิ้นเปลืองในเรือหรืออากาศยานที่เดินทางไปต่างประเทศ รวมทั้งน้ำมันเชื้อเพลิง น้ำมันหล่อลื่น หรือพลังงานอย่างอื่น โดยผู้ขอจัดตั้งต้องจัดให้มีพื้นที่คลังสินค้าหรือโรงพักสินค้าสำหรับเป็นสถานที่ตรวจและเก็บสินค้าขาเข้าที่ยังไม่ได้ตรวจมอบและสถานที่ตรวจและเก็บสินค้าขาออกตามปกติ ตามมาตรา ๖ (๒) แห่งพระราชบัญญัติศุลกากร พุทธศักราช ๒๔๖๙ แยกตามสถานะทางกฎหมายในการจัดตั้งเป็นสัดส่วนอย่างชัดเจน
- กิจการอื่นที่อธิบดีหรือผู้ที่อธิบดีมอบหมายพิจารณาเห็นว่าเป็นประโยชน์ต่อการเศรษฐกิจของประเทศ เช่น คลังน้ำมัน โรงผลิตกระแสไฟฟ้า อุตสาหกรรมผลิตพลังงานทดแทนหรือพลังงานแสงอาทิตย์ อุตสาหกรรมผลิตไบโอดีเซลที่ได้รับความเห็นชอบจากกระทรวงพลังงาน อุตสาหกรรมวิจัยและพัฒนาผลิตภัณฑ์หรือนวัตกรรมต้นแบบ อุตสาหกรรมเครื่องมือแพทย์และอุปกรณ์ทางการแพทย์ เป็นต้น ทั้งนี้ เขตปลอดอากรตามข้อ 1.1 1.2 .1.3 และ 1.4 อาจเป็นเขตปลอดอากร เพื่อการประกอบอุตสาหกรรม หรือพาณิชยกรรม หรือกิจการอื่นใดที่เป็นประโยชน์ต่อการเศรษฐกิจของประเทศอย่างใดอย่างหนึ่งหรือหลายอย่างในเขตพื้นที่เดียวกันก็ได้
- การจัดตั้งเขตปลอดอากรจะต้องไม่เป็นการจัดตั้งเพื่อประโยชน์ของผู้ประกอบกิจการรายใดรายหนึ่งเท่านั้น โดยเฉพาะการจัดตั้งเขตปลอดอากรเพื่อประกอบพาณิชยกรรมจะต้องมีการลงทุนในลักษณะของการรวมกลุ่ม (Cluster) และการให้บริการในรูปแบบสาธารณะ (Public Free Zones) เป็นสำคัญ เว้นแต่จะมีเหตุแสดงชัดว่าเพื่อประโยชน์ทางเศรษฐกิจของประเทศ กรณีที่มีผู้ประกอบการในเขตพื้นที่ที่ขอจัดตั้งเขตปลอดอากรอยู่ก่อนแล้วจะต้องได้รับความเห็นชอบจากอธิบดีหรือผู้ที่อธิบดีมอบหมาย
- ผู้ขอจัดตั้งเขตปลอดอากรต้องจัดให้มีประตูเข้าและออก และรั้วรอบขอบชิดที่เหมาะสม มีความมั่นคงแข็งแรงฐานเป็นคอนกรีตเสริมเหล็กล้อมรอบเขตปลอดอากร เว้นแต่โดยสภาพของกิจการไม่จำเป็นต้องมีรั้ว หรือโดยสภาพแวดล้อมสามารถดำเนินการก่อสร้างสิ่งอื่นทดแทนได้
- ผู้ขอจัดตั้งเขตปลอดอากรต้องจัดให้มีระบบสาธารณูปโภค สิ่งอำนวยความสะดวก และบริการที่จำเป็น ตามความเหมาะสมกับลักษณะและขนาดของกิจการแต่ละประเภทบนพื้นฐานทั่วไปดังต่อไปนี้
- ระบบถนนภายในและถนนเชื่อมต่อกับถนนหรือทางสาธารณะภายนอกเขตปลอดอากร
- ระบบระบายน้ำฝนหรือระบบป้องกันน้ำท่วม
- ระบบประปา
- ระบบบำบัดน้ำเสียและระบบควบคุมและกำจัดมลพิษ
- ระบบสื่อสารโทรคมนาคม
- ระบบไฟฟ้า
- ระบบดับเพลิงและระบบป้องกันอุบัติภัย
- ระบบกำจัดกากอุตสาหกรรม มูลฝอย และสิ่งปฏิกูล
- ระบบติดตามตรวจสอบมลพิษและคุณภาพสิ่งแวดล้อม
- ระบบรักษาความปลอดภัย ทั้งนี้ กรมศุลกากรสามารถกำหนดให้มีมาตรฐานแตกต่างกันได้ โดยคำนึงถึงความจำเป็น ในการบริหารจัดการ การป้องกันผลกระทบต่อประชาชนหรือสิ่งแวดล้อม ตามลักษณะของกลุ่มอุตสาหกรรมหรือกลุ่มกิจกรรมในเขตปลอดอากร ซึ่งหากบริเวณท้องที่นั้นสามารถใช้ระบบใดระบบหนึ่งตามที่กำหนดจากหน่วยงานของรัฐหรือเอกชนในลักษณะกิจการสาธารณะหรือเป็นธุรกิจภายนอกเขตปลอดอากร ผู้ขอจัดตั้งสามารถจัดให้มีโดยใช้ระบบสาธารณูปโภค สิ่งอำนวยความสะดวก และบริการที่จำเป็นดังกล่าวได้ และห้ามมิให้จัดที่อยู่อาศัยภายในเขตปลอดอากร
- กรณีที่ผู้ขอจัดตั้งเขตปลอดอากรประสงค์จะจัดสรรที่ดินที่ขอจัดตั้งเขตปลอดอากร จะต้องปฏิบัติตามหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขในการจัดสรรที่ดิน และยื่นรายละเอียดเพิ่มเติม ดังนี้
- การขออนุญาตและการอนุญาตให้จัดสรรที่ดิน
- การค้ำประกันการจัดให้มีระบบสาธารณูปโภคและสิ่งอำนวยความสะดวก
- การก่อภาระผูกพันแก่ที่ดินในโครงการ
- การดำเนินการให้บริการสิ่งอำนวยความสะดวกและบริการอื่นแก่ผู้ประกอบกิจการในเขตปลอดอากร
- การจัดการดูแลและบำรุงรักษาระบบสาธารณูปโภคและสิ่งอำนวยความสะดวก
- การจัดเก็บค่าใช้จ่ายในการบำรุงรักษาระบบสาธารณูปโภคและสิ่งอำนวยความสะดวก
- การจัดให้มีกองทุนหลักประกันเพื่อการบำรุงรักษาและสร้างทดแทนระบบสาธารณูปโภคและสิ่งอำนวยความสะดวก
- ผู้ขอจัดตั้งเขตปลอดอากรต้องจัดให้มีสถานที่ อาคาร สิ่งก่อสร้าง เครื่องมือ เครื่องใช้อุปกรณ์สำนักงาน ดังนี้
- สถานที่อันควรสำหรับเป็นที่ทำการสำนักงานศุลกากร ตั้งอยู่ในบริเวณที่เหมาะสมและใกล้เคียงกับสถานีตรวจสอบ (Checking Post) โดยมีอุปกรณ์สำนักงานและเครื่องคอมพิวเตอร์เพื่อเชื่อมโยงกับระบบคอมพิวเตอร์สำหรับการบริหารสิทธิประโยชน์ทางภาษีอากรและระบบศุลกากรอิเล็กทรอนิกส์ (TCES) ของกรมศุลกากร และการจัดวางระบบสายสัญญาณสื่อสารที่ดีและมีประสิทธิภาพเพื่อใช้ในการควบคุมการรับมอบ ส่งมอบ การขนย้าย การเก็บรักษา การควบคุมและตรวจปล่อยสินค้าด้วยระบบรหัสแถบเส้น (Bar Code System) หรือระบบควบคุมที่ทันสมัยและสามารถตรวจสอบได้อย่างอื่นตามที่กรมศุลกากรกำหนด รวมถึงอุปกรณ์เครื่องใช้สำนักงานที่จำเป็นและเพียงพอต่อการปฏิบัติงานของพนักงานเจ้าหน้าที่ศุลกากร
- สถานที่ตรวจของเข้า ออกอยู่ในบริเวณเดียวกันหรือบริเวณใกล้เคียงกับสำนักงานศุลกากรมีพื้นที่กว้างขวางเพียงพอกับการปฏิบัติงาน พร้อมทั้งต้องจัดให้มีเครื่องมือเครื่องใช้สำหรับการตรวจสินค้าของเจ้าหน้าที่ตามที่กรมศุลกากรกำหนด
- สถานีตรวจสอบ (Checking Post) ตั้งอยู่ในบริเวณที่เหมาะสม แยกช่องทางเข้าและออก แต่ละช่องทางเข้า ออกความกว้างไม่น้อยกว่าช่องทางละ 3 เมตร และมีเครื่องชั่งน้ำหนักอิเล็กทรอนิกส์ประจำบริเวณช่องทางเข้า-ออก โดยสามารถแสดงผลมายังที่ทำการสำนักงานศุลกากรได้ มีบริเวณสถานที่จอดรถยนต์เพื่อตรวจยานพาหนะและสินค้าชั่วคราว มีระบบโทรทัศน์วงจรปิด (CCTV) ตามมาตรฐานที่กรมศุลกากรกำหนดและสามารถบันทึกภาพเหตุการณ์ บุคคล หมายเลขทะเบียนยานพาหนะ หมายเลขตู้คอนเทนเนอร์ และหรือสิ่งของที่ผ่านเข้า - ออก และเปิดตรวจสอบข้อมูลภาพย้อนหลังได้ ไม่น้อยกว่า 60 วัน มีระบบคอมพิวเตอร์ที่เชื่อมโยงกับระบบศุลกากรอิเล็กทรอนิกส์ (TCES) และมีเครื่องอำนวยความสะดวกเครื่องมือเครื่องใช้ที่ทันสมัยและจำเป็นเพื่อใช้ในการปฏิบัติงานและการควบคุม ทั้งนี้ ตามความจำเป็นที่กรมศุลกากรกำหนด
- ในกรณีที่เป็นเขตปลอดอากรหรือผู้ประกอบกิจการในเขตปลอดอากรที่มีการนำของเข้าหรือส่งของออกโดยผ่านระบบขนส่งหรือขนถ่ายทางท่อต้องจัดให้มีระบบควบคุมการเปิดและปิด ระบบท่อทางและระบบการตรวจวัดที่มีมาตรฐาน เพื่อกรมศุลกากรสามารถตรวจสอบและควบคุมได้
- สถานที่อันควรสำหรับเป็นที่พักอาศัยของเจ้าหน้าที่ศุลกากรซึ่งอยู่นอกเขตปลอดอากร โดยอาจอยู่ในบริเวณเดียวกันหรือใกล้เคียงกับสำนักงานศุลกากรตามความเหมาะสม สำหรับผู้จัดตั้งเขตปลอดอากร ณ ท่าอากาศยานนานาชาติ หรือท่าเรือหรือจุดผ่านแดนถาวร ต้องจัดให้มีอุปกรณ์ดังนี้
- เครื่องคอมพิวเตอร์และระบบบริหารการจัดการในเขตปลอดอากร พร้อม ระบบบริหารความเสี่ยง (Risk Management) ด้วยระบบเทคโนโลยีสารสนเทศรวมถึงการจัดวางระบบสายสัญญาณสื่อสารที่ดีและมีประสิทธิภาพเพื่อใช้ในการควบคุมการรับมอบ ?ส่งมอบการขนย้าย การเก็บรักษา การควบคุมและตรวจปล่อยสินค้าด้วยระบบรหัสแถบเส้น (Bar Code System) และระบบควบคุมบัญชีสินค้านำเข้า - ส่งออกโดยอัตโนมัติที่สามารถเชื่อมโยงกับระบบคอมพิวเตอร์ของผู้ประกอบกิจการในเขตปลอดอากร เช่น ผู้ประกอบการท่า (Terminal Operator) ผู้ประกอบการคลังสินค้า (Warehouse Operator) ตัวแทนผู้ขนส่ง (Agents Carrier) ผู้รับจัดการขนส่งสินค้าระหว่างประเทศ (International Freight Forwarder) และผู้ประกอบกิจการอื่นๆ ที่เกี่ยวข้อง เพื่อให้เจ้าหน้าที่ศุลกากรได้ใช้ในการตรวจสอบ ควบคุม และการค้นหาข้อมูลของสินค้าที่นำเข้ามาในเขตปลอดอากรหรือปล่อยไปจากเขตปลอดอากร รวมตลอดถึงเครื่องคอมพิวเตอร์ที่เจ้าหน้าที่ต้องใช้ในด้านพิธีการศุลกากร ซึ่งระบบทั้งหมดดังกล่าวจะต้องสามารถเชื่อมโยงกับระบบคอมพิวเตอร์สำหรับการบริหารสิทธิประโยชน์ทางภาษีอากรและระบบศุลกากรอิเล็กทรอนิกส์ (TCES) ของกรมศุลกากร หรือระบบคอมพิวเตอร์อื่นตามที่กรมศุลกากรกำหนด
- เครื่องมือเครื่องใช้และอุปกรณ์ที่ทันสมัยอื่น ๆ เพื่อให้เจ้าหน้าที่ศุลกากรใช้สนับสนุนการปฏิบัติงานและเพิ่มประสิทธิภาพการบริหารจัดการในเขตปลอดอากร เช่น ห้องควบคุมระบบ กล้องวงจรปิดที่มีประสิทธิภาพ เครื่องชั่งน้ำหนัก เป็นต้น ทั้งนี้ ตามความจำเป็นที่กรมศุลกากรกำหนด อธิบดีหรือผู้ที่อธิบดีมอบหมายอาจผ่อนผันหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขในข้อนี้ได้หาก มีเหตุผลอันสมควร
- ผู้ขอจัดตั้งเขตปลอดอากรต้องจัดให้มีระบบคอมพิวเตอร์ที่เชื่อมโยงกับระบบคอมพิวเตอร์ของผู้ประกอบกิจการภายในเขตปลอดอากร เพื่อให้เจ้าหน้าที่ศุลกากรที่กำกับดูแลเขตปลอดอากรใช้ในการตรวจสอบ ควบคุม และค้นหาข้อมูลของสินค้าที่นำเข้ามาในหรือปล่อยออกไปจากเขตปลอดอากร ตามมาตรฐานที่กรมศุลกากรกำหนด
- ผู้ขอจัดตั้งเขตปลอดอากรต้องมีการจัดทำป้ายชื่อสถานที่เขตปลอดอากร ทำด้วยวัสดุที่มั่นคง แข็งแรง และสามารถมองเห็นได้ชัดเจน - ป้ายชื่อเขตปลอดอากร "เขตปลอดอากร... ภายใต้การควบคุมตามกฎหมายศุลกากร" ขนาดตัวอักษรไม่ต่ำกว่า 12 นิ้ว ติดตั้งบริเวณด้านหน้าเขตปลอดอากรให้บุคคลภายนอกสามารถมองเห็นได้ชัดเจน - ป้ายชื่อที่ทำการศุลกากร "สำนักงานศุลกากรประจำเขตปลอดอากร..." ขนาดตัวอักษรไม่ต่ำกว่า 4 นิ้ว ติดตั้งไว้ด้านหน้าที่ทำการศุลกากร - ป้ายชื่อสถานีตรวจสอบ "สถานีตรวจสอบ (Checking Post)" ขนาดตัวอักษร ไม่ต่ำกว่า 3 นิ้ว ติดตั้งไว้ส่วนบนด้านหน้าของสถานีตรวจสอบ
- ขอจัดตั้งเขตปลอดอากรต้องจัดทำแผนที่แสดงอาณาเขตและแผนผังพื้นที่หรือบริเวณที่ได้รับอนุมัติให้จัดตั้งเขตปลอดอากร ชนิดมาตราส่วน ๑ : ๕๐,๐๐๐ ขนาด A ๔ จำนวน ๒ แผ่น ยื่นต่อกรมศุลกากรก่อนเปิดดำเนินการเขตปลอดอากรเพื่อประกาศให้ทราบโดยทั่วกัน
การขออนุมัติจัดตั้งเขตปลอดอากร วิธีการยื่นคำขอจัดตั้งเขตปลอดอากร
ผู้ขอจัดตั้งเขตปลอดอากรจะต้องยื่นแบบคำขอจัดตั้งเขตปลอดอากร ที่ฝ่ายจัดตั้งเขตปลอดอากร ส่วนหลักเกณฑ์และทะเบียนสิทธิประโยชน์ สำนักสิทธิประโยชน์ทางภาษีอากร พร้อมเอกสารประกอบดังนี้
- รายละเอียดโครงการจัดตั้งเขตปลอดอากร อย่างละ 2 ชุด
- โครงการและวัตถุประสงค์ ประเภทหรือกลุ่มอุตสาหกรรมหรือกลุ่มกิจกรรมเป้าหมายที่จะเข้ามาดำเนินการในเขตปลอดอากร
- แผนงานปรับปรุงที่ดินหรือพื้นที่เพื่อใช้เป็นเขตปลอดอากร การจัดให้มีระบบสาธารณูปโภคและสิ่งอำนวยความสะดวก แผนผังการใช้ประโยชน์ในที่ดินหรือพื้นที่ แผนการบริหารจัดการเขตปลอดอากร ระยะเวลาที่ใช้ดำเนินการจัดสร้างสิ่งปลูกสร้างสาธารณูปโภคและสิ่งอำนวยความสะดวกอื่นๆ และกำหนดระยะเวลาการพัฒนาโครงการตั้งแต่เริ่มต้นจนแล้วเสร็จ
- แผนการเงิน แหล่งเงินทุนและขนาดของการลงทุน
- แผนการขาย ให้เช่า ให้เช่าซื้อ หรือการใช้สิทธิครอบครองอสังหาริมทรัพย์หรือสังหาริมทรัพย์ เพื่อใช้สิทธิประโยชน์ทางภาษีอากร
- แผนการดูแลรักษาสาธารณูปโภคและบริการสาธารณะหรือข้อเสนอเกี่ยวกับการจัดตั้งกองทุนเพื่อบำรุงรักษา ซ่อมแซม และเสริมสร้างระบบสาธารณูปโภคและสิ่งอำนวยความสะดวก
- โครงการที่จะขยายได้ในอนาคต (ถ้ามี)
- อื่น ๆ เช่น ผลที่จะเกิดจากการดำเนินการที่เป็นประโยชน์แก่การเศรษฐกิจของประเทศ มาตรการป้องกันความปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สิน รายงานการวิเคราะห์ผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมของโครงการที่ได้รับความเห็นชอบแล้ว (ถ้ามี) และมาตรการกำจัดมลภาวะและรักษาสิ่งแวดล้อม เป็นต้น
- สำเนาใบสำคัญแสดงการจดทะเบียนนิติบุคคล 2 ชุด
- สำเนาหนังสือรับรองการจดทะเบียนนิติบุคคล และบัญชีรายชื่อผู้ถือหุ้น(บอจ.5)ออกโดยกระทรวงพาณิชย์ไม่เกิน 6 เดือน ก่อนวันยื่นคำขอ 2 ชุด
- สำเนาใบทะเบียนภาษีมูลค่าเพิ่ม (ภพ.20) 2 ชุด
- งบการเงินที่ได้รับการรับรองจากผู้ตรวจสอบบัญชีรับอนุญาต ย้อนหลัง 3 ปี หรือประมาณการรายได้ล่วงหน้า 3 ปี สำหรับนิติบุคคลที่จดทะเบียนใหม่ต้องเสนอรายงานการศึกษา ความเป็นไปได้ของโครงการด้วย 2 ชุด
- สำเนาโฉนดที่ดิน หรือสำเนาหนังสือแสดงสิทธิในที่ดิน หรือหนังสืออนุญาตให้มีสิทธิในการบริหารจัดการในที่ดินหรือพื้นที่ที่ขอจัดตั้ง หรือหลักฐานแสดงการจะได้มาซึ่งกรรมสิทธิ์หรือ สิทธิครอบครองในที่ดิน (สัญญาจะซื้อจะขายที่ดิน) ที่เจ้าของที่ดินได้ยินยอมให้ดำเนินการจัดตั้งเขตปลอดอากร 2 ชุด
- แบบแปลนแผนผังของสถานที่ที่ขอจัดตั้ง และสิ่งปลูกสร้างขนาดไม่ต่ำกว่า 40 x 60 ซ.ม. ๓ ชุด
- หนังสือรับรองการก่อสร้าง และการจัดหาเครื่องมือ เครื่องใช้ อุปกรณ์สำนักงาน สิ่งอำนวยความสะดวก และสาธารณูปโภคที่จำเป็น เพื่อให้เป็นไปตามหลักเกณฑ์และเงื่อนไข รวมทั้งกำหนดขั้นตอนและระยะเวลาในการดำเนินโครงการตั้งแต่เริ่มต้นจนพร้อมที่จะเปิดดำเนินการ 2 ชุด
- กรณีที่ผู้ขอจัดตั้งเขตปลอดอากรเพื่อประกอบการอุตสาหกรรม ให้ยื่น
- สำเนาหนังสืออนุญาตให้เป็นเขตประกอบอุตสาหกรรม หรือให้เป็นเขตอุตสาหกรรมประเภทอาคารโรงงานเอกเทศจากระทรวงอุตสาหกรรม หรือ
- สำเนาหนังสืออนุญาตจากการนิคมอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย ให้ใช้พื้นที่ในเขตอุตสาหกรรมทั่วไป หรือ
- สำเนาหนังสือส่งเสริมการลงทุนจากคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน หรือ
- สำเนาประกาศคณะกรรมการนโยบายเขตพัฒนาเศรษฐกิจพิเศษ หรือ
- สำเนาหนังสืออนุญาตหรือหนังสือรับรองสำหรับอุตสาหกรรมอื่นใดที่เป็นประโยชน์แก่การเศรษฐกิจของหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง
- ในกรณีที่พื้นที่ที่ขอจัดตั้งมีผู้ประกอบการอุตสาหกรรม พาณิชยกรรม หรือกิจการอื่นใดที่เป็นประโยชน์แก่การเศรษฐกิจของประเทศอยู่ก่อนแล้ว ให้แสดงหนังสืออนุญาตหรือหนังสือรับรองให้ประกอบการตามที่ได้รับอนุญาตจากหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง
(กรณีการขอจัดตั้งเขตปลอดอากรเกี่ยวกับปิโตรเลียมหรือปิโตรเคมีที่เป็นของเหลว ให้ดำเนินการตามประกาศกรมศุลกากร ที่ 10/2547 ลงวันที่ 23 มกราคม 2547)
การเป็นผู้ประกอบกิจการในเขตปลอดอากร
คุณสมบัติของผู้ขอประกอบกิจการในเขตปลอดอากร
- เป็นนิติบุคคลตามกฎหมาย กรณีเป็นนิติบุคคลตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์จะต้องมีทุนจดทะเบียนที่ชำระแล้วไม่ต่ำกว่า 5 ล้านบาท หรือมีทุนจดทะเบียนชำระแล้วในจำนวนที่อธิบดีเห็นว่าเหมาะสมกับประเภทของกิจการ กรณีเป็นผู้ประกอบกิจการในเขตปลอดอากรซึ่งตั้งอยู่ในพื้นที่เขตพัฒนาเศรษฐกิจพิเศษจะต้องเป็นนิติบุคคลตามกฎหมาย กรณีเป็นนิติบุคคลตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ต้องมีทุนจดทะเบียน ที่ชำระแล้วไม่ต่ำกว่า ๑ ล้านบาท
- มีฐานะการเงินมั่นคง โดยพิจารณาจากผลประกอบการที่ได้นำส่งงบการเงินต่อกระทรวงพาณิชย์ตามข้อกำหนดของกระทรวงพาณิชย์ ซึ่งผู้ตรวจสอบบัญชีรับอนุญาตได้รับรองว่าเป็นกิจการที่มีกำไรย้อนหลัง 3 ปีบัญชีสุดท้ายติดต่อกัน
- เป็นผู้มีกรรมสิทธิ์หรือสิทธิครอบครองในที่ดินหรือพื้นที่ที่ขอประกอบกิจการในเขตปลอดอากร
- เป็นผู้ที่ได้รับความยินยอมจากผู้ได้รับอนุมัติให้จัดตั้งเขตปลอดอากร กรณีที่มีการโอนกรรมสิทธิ์หรือสิทธิบริหารจัดการพื้นที่ที่ได้รับอนุมัติให้จัดตั้งเขตปลอดอากร หรือกรณีมีการเช่าช่วงพื้นที่ที่ได้รับอนุมัติให้จัดตั้งเขตปลอดอากร ผู้ขอประกอบกิจการในเขตปลอดอากรจะต้องได้รับความยินยอมจากผู้รับโอนกรรมสิทธิ์หรือรับโอนสิทธิบริหารจัดการหรือผู้เช่าช่วงทุกช่วงสิทธิเพิ่มเติมให้ครบถ้วน
- ผู้ประกอบกิจการในเขตปลอดอากร ต้องดำเนินกิจการที่สอดคล้องกับวัตถุประสงค์ในการจัดตั้งเขตปลอดอากรหรือกิจการอื่นใดที่อธิบดี หรือผู้ที่อธิบดีมอบหมายเห็นว่าเป็นประโยชน์แก่การเศรษฐกิจของประเทศ
- ต้องไม่เคยมีประวัติการกระทำความผิดอย่างร้ายแรง ตามกฎหมายว่าด้วยศุลกากรและกฎหมายอื่นที่เกี่ยวข้องกับการศุลกากรย้อนหลัง 3 ปี นับแต่วันยื่นคำขอ
การขอเป็นผู้ประกอบกิจการในเขตปลอดอากร
ผู้ประกอบกิจการสามารถยื่นคำขอประกอบกิจการในเขตปลอดอากร ที่ ฝ่ายจัดตั้งเขตปลอดอากร ส่วนหลักเกณฑ์และทะเบียนสิทธิประโยชน์ สำนักสิทธิประโยชน์ทางภาษีอากร พร้อมเอกสารประกอบดังนี้
- รายละเอียดการขอประกอบกิจการในเขตปลอดอากร อย่างละ 2 ชุด ได้แก่ วัตถุประสงค์ ประเภทของกิจการ แผนงานและกระบวนการผลิต กำลังการผลิตและจำนวนเครื่องจักร เครื่องมือ เครื่องใช้ และอุปกรณ์ที่จำเป็นต้องใช้ในกระบวนการผลิต รวมถึงประมาณการขยายกำลังการผลิตเพิ่มเติมในภายหน้า และแหล่งเงินทุน สถาบันการเงินที่ส่งเสริมสนับสนุน
- สำเนาใบสำคัญแสดงการจดทะเบียนนิติบุคคล 2 ชุด
- สำเนาหนังสือรับรองการจดทะเบียนนิติบุคคล และบัญชีรายชื่อผู้ถือหุ้น(บอจ.5)ออกโดยกระทรวงพาณิชย์ ไม่เกิน 6 เดือนก่อนวันยื่นคำขอ 2 ชุด
- สำเนาใบทะเบียนภาษีมูลค่าเพิ่ม (ภ.พ.20) 2 ชุด
- สำเนาหนังสือแสดงกรรมสิทธิ์ หรือสิทธิครอบครองในที่ดินที่ขอประกอบกิจการ 2 ชุด
- หนังสือยินยอมจากผู้ได้รับอนุมัติจัดตั้งเขตปลอดอากร กรณีที่มีการโอนกรรมสิทธิ์หรือโอนสิทธิบริหารจัดการหรือเช่าช่วงพื้นที่ที่ได้รับอนุมัติให้จัดตั้งเขตปลอดอากรต้องมีหนังสือยินยอมจากผู้รับโอนกรรมสิทธิ์หรือรับโอนสิทธิบริหารจัดการหรือผู้เช่าช่วงเพิ่มเติมทุกช่วงสิทธิด้วย 2 ชุด
- งบการเงินที่ได้รับการรับรองจากผู้ตรวจสอบบัญชีรับอนุญาตย้อนหลัง 3 ปี หรือประมาณการรายได้ล่วงหน้า 3 ปี 2 ชุด
- แบบแปลนแผนผังสถานที่ตั้งสถานประกอบกิจการในเขตปลอดอากร ขนาด ไม่ต่ำกว่าขนาด A 3 ที่รับรองโดยผู้จัดตั้งเขตปลอดอากร อย่างละ 3 ชุด
การตรวจสอบสิทธิประโยชน์ทางภาษีอากรด้านเขตปลอดอากร
ผู้จัดตั้งเขตปลอดอากร
ผู้ได้รับอนุมัติจัดตั้งเขตปลอดอากรต้องจัดให้มีระบบอิเล็กทรอนิกส์ในการรวบรวมข้อมูลสรุปผลการนำของเข้าและออก การเคลื่อนย้ายภายในเขตปลอดอากร การโอนย้ายภายในประเทศ หรือการดำเนินการอื่นใดที่มีผลต่อสินค้าคงคลังของผู้ประกอบกิจการในเขตปลอดอากร พร้อมทั้งส่งข้อมูลรายงานยืนยันการโอนย้ายของเข้า และออกเขตปลอดอากรดังกล่าวเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ของศุลกากรตามมาตรฐานที่กรมศุลกากรกำหนด
ผู้ได้รับอนุมัติจัดตั้งเขตปลอดอากรต้องจัดให้มีผู้บริหารเขตปลอดอากร (Free Zones Operator) เพื่อทำหน้าที่กำกับดูแลการเคลื่อนย้ายสินค้าเข้ามาในหรือออกไปจากเขตปลอดอากร การเคลื่อนย้ายภายในเขตปลอดอากร และการเคลื่อนย้ายระหว่างเขตปลอดอากรหรือสิทธิประโยชน์ทางภาษีอากรอื่นภายใต้การควบคุมของสำนักงานศุลกากรที่กำกับดูแลเขตปลอดอากร รวมถึงการจัดทำรายงานสรุปผลการดำเนินการของผู้ได้รับอนุมัติให้จัดตั้งเขตปลอดอากรและผู้ประกอบกิจการในเขตปลอดอากรตามมาตรฐานและช่วงระยะเวลาที่กรมศุลกากรกำหนด
ผู้ประกอบกิจการในเขตปลอดอากร
ผู้ประกอบกิจการในเขตปลอดอากรต้องจัดทำรายงานตามรูปแบบที่กรมศุลกากรกำหนดแนบท้ายประกาศกรมศุลกากร ที่ 32/2559 ในรูปแบบ Excel File ที่บันทึกในแผ่นบันทึกข้อมูลชนิดอ่านอย่างเดียวยื่นต่อสำนักงานศุลกากรที่กำกับดูแลเขตปลอดอากร ภายใน 15 วัน นับแต่วันสิ้นงวด โดยกำหนดปีละ 2 งวด ทั้งนี้ ให้ถือวันที่ 30 มิถุนายน และ 31 ธันวาคม ของแต่ละปีเป็นวันสิ้นงวด พร้อมกับนำส่งสำเนางบการเงินฉบับที่ผู้ตรวจสอบบัญชีรับอนุญาตรับรองแล้ว และให้จัดเตรียมของคงเหลือให้เจ้าหน้าที่ศุลกากรส่วนตรวจสอบเขตปลอดอากร สำนักสิทธิประโยชน์ทางภาษีอากร และสำนักงานศุลกากรที่กำกับดูแลเขตปลอดอากรตรวจนับร่วมกันอย่างน้อยปีละ 1 ครั้ง ในกรณีมีเหตุอันควรสงสัยเจ้าหน้าที่อาจะเพิ่มความถี่ในการตรวจสอบตามเหตุผลและความจำเป็น
กรณีผู้ประกอบกิจการในเขตปลอดอากรไม่จัดส่งรายงานประจำงวดให้เจ้าหน้าที่ศุลกากร และ/หรือไม่จัดส่งข้อมูลให้กับผู้บริหารเขตปลอดอากรภายในเวลาที่กำหนด กรมศุลกากรจะพิจารณาความผิดและบังคับสัญญาประกันและทัณฑ์บนตามหลักเกณฑ์ เว้นแต่จะมีการขอผ่อนผันก่อนครบกำหนดเวลาที่กำหนดและได้รับอนุมัติ
ประกาศกรมศุลกากรที่เกี่ยวข้อง : ประกาศกรมศุลกากรที่ 32/2559
วันที่ปรับปรุงล่าสุด : 4 กรกฎาคม 2560 15:42:13
จำนวนผู้เข้าชม : 4,504
สอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ : สำนักสิทธิประโยชน์ทางภาษีอากร (สสอ.)
กรมศุลกากร เลขที่ 1 ถ.สุนทรโกษา คลองเตย กทม. 10110
หมายเลขโทรศัพท์ : 0-2667-6010
อีเมล์ : 82000100@customs.go.th