

![]() |
ร่างกฎกระทรวงกำหนดการรับน้ำหนัก ความต้านทาน ความคงทนของอาคาร และพื้นดินที่รองรับอาคารในการต้านทานแรงสั่นสะเทือนของแผ่นดินไหว พ.ศ.
. มีมติเห็นชอบร่าง กำหนดการรับน้ำหนัก ความต้านทาน ความคงทนของอาคาร และพื้นดินที่รองรับอาคารในการต้านทานแรงสั่นสะเทือนของ พ.ศ. ?. ที่ ตรวจพิจารณาแล้ว ตามที่ เสนอ และให้ดำเนินการต่อไปได้ สาระสำคัญของร่างกฎกระทรวง
กำหนดพื้นที่เสี่ยงภัยแผ่นดินไหวและกำหนดประเภทอาคารที่การออกแบบและคำนวณโครงสร้างอาคารให้มีการต้านทานแรงสั่นสะเทือนของแผ่นดินไหวเพิ่มเติม รวมทั้งปรับปรุงหลักเกณฑ์การกำหนดการรับน้ำหนัก ความต้านทาน และความคงทนของอาคารในการต้านทานแรงสั่นสะเทือนของแผ่นดินไหวใหม่ ให้มีความทันสมัยและมีความปลอดภัยแก่ประชาชนในการเข้าใช้อาคารมากยิ่งขึ้น ดังนี้ 1. แก้ไขเพิ่มเติมบทนิยาม ดังนี้
1.1 แก้ไขบทนิยาม ?บริเวณที่ 1? หมายความว่า บริเวณหรือพื้นที่ที่ต้องเฝ้าระวัง เนื่องจากมี ความเป็นไปได้ว่าอาคารอาจได้รับผลกระทบทางด้านความมั่นคงแข็งแรงและเสถียรภาพเมื่อมีแรงสั่นสะเทือนของแผ่นดินไหว ได้แก่ จังหวัดกระบี่ จังหวัดชุมพร จังหวัดตรัง จังหวัดนครพนม จังหวัดนครศรีธรรมราช จังหวัดบึงกาฬ จังหวัดประจวบคีรีขันธ์ จังหวัดพิษณุโลก จังหวัดเพชรบุรี จังหวัดเลย จังหวัดสงขลา จังหวัดสตูล จังหวัดสุราษฎร์ธานี และจังหวัดหนองคาย ?บริเวณที่ 2? หมายความว่า บริเวณหรือพื้นที่ที่มีความเป็นไปได้ว่าอาคาร อาจได้รับผลกระทบทางด้านความมั่นคงแข็งแรงและเสถียรภาพในระดับปานกลางเมื่อมีแรงสั่นสะเทือนของแผ่นดินไหว ได้แก่ กรุงเทพมหานคร จังหวัดกำแพงเพชร จังหวัดชัยนาท จังหวัดนครปฐม จังหวัดนครสวรรค์ จังหวัดนนทบุรี จังหวัดปทุมธานี จังหวัดพระนครศรีอยุธยา จังหวัดพังงา จังหวัดภูเก็ต จังหวัดระนอง จังหวัดราชบุรี จังหวัดสมุทรปราการ จังหวัดสมุทรสงคราม จังหวัดสมุทรสาคร จังหวัดสุพรรณบุรี และจังหวัดอุทัยธานี 1.2 เพิ่มบทนิยาม ?บริเวณที่ 3? หมายความว่า บริเวณหรือพื้นที่ที่มีความเป็นไปได้ว่าอาคารอาจได้รับผลกระทบทางด้านความมั่นคงแข็งแรงและเสถียรภาพในระดับสูงเมื่อมีแรงสั่นสะเทือนของแผ่นดินไหว ได้แก่ จังหวัดกาญจนบุรี จังหวัดเชียงราย จังหวัดเชียงใหม่ จังหวัดตาก จังหวัดน่าน จังหวัดพะเยา จังหวัดแพร่ จังหวัดแม่ฮ่องสอน จังหวัดลำปาง จังหวัดลำพูน จังหวัดสุโขทัย และจังหวัดอุตรดิตถ์ ?ผู้ออกแบบ? หมายความว่า ผู้ออกแบบงานสถาปัตยกรรม หรือออกแบบและคำนวณงานวิศวกรรม ?ผู้คำนวณออกแบบ? หมายความว่า วิศวกรตามกฎหมายว่าด้วยวิศวกรซึ่งทำหน้าที่จัดทำรายการคำนวณ แบบแปลน และรายละเอียดในการก่อสร้างอาคารด้านวิศวกรรม 2. แก้ไขเพิ่มเติมเกี่ยวกับการออกแบบอาคาร โดยให้ผู้ออกแบบคำนึงถึงการจัดรูปแบบเรขาคณิตของโครงสร้างอาคารเพื่อให้มีเสถียรภาพในการต้านทานแรงสั่นสะเทือนของแผ่นดินไหวสำหรับอาคารที่ตั้งอยู่ในบริเวณที่ 2 ซึ่งเป็นอาคารสูง และบริเวณที่ 3 ให้ผู้ออกแบบคำนึงถึงส่วนประกอบของอาคารด้านสถาปัตยกรรมให้มีความมั่นคง ไม่พังทลาย หรือไม่ร่วงหล่นได้โดยง่าย 3. แก้ไขเพิ่มเติมเกี่ยวกับการออกแบบและคำนวณโครงสร้างอาคาร ดังนี้ 3.1 ให้ผู้ออกแบบและคำนวณโครงสร้างอาคารที่ตั้งอยู่ในบริเวณที่ 2 หรือบริเวณที่ 3 จัดโครงสร้างทั้งระบบ และกำหนดรายละเอียดปลีกย่อยชิ้นส่วนโครงสร้าง และบริเวณรอยต่อระหว่างปลายชิ้นส่วนโครงสร้างต่าง ๆ อย่างน้อยให้มีความเหนียวเป็นไปตามที่รัฐมนตรีโดยคำแนะนำของคณะกรรมการควบคุมอาคารประกาศกำหนดในราชกิจจานุเบกษา หรือหลักเกณฑ์ในเรื่องดังกล่าวที่จัดทำโดยส่วนราชการอื่นที่มีอำนาจหน้าที่ในเรื่องนั้น 3.2 กรณีที่ยังไม่มีประกาศของรัฐมนตรีและยังไม่มีหลักเกณฑ์การออกแบบและคำนวณโครงสร้างอาคารเพื่อต้านทานแรงสั่นสะเทือนของแผ่นดินไหวที่จัดทำโดยส่วนราชการอื่นที่มีหน้าที่และอำนาจใน เรื่องนั้น การออกแบบและคำนวณโครงสร้างอาคาร ให้กระทำโดยนิติบุคคลซึ่งได้รับใบอนุญาตประกอบวิชาชีพวิศวกรรมควบคุมหรือได้รับการรับรองโดยนิติบุคคลซึ่งได้รับใบอนุญาตประกอบวิชาชีพวิศวกรรมควบคุม โดยนิติบุคคลนั้นต้องมีวิศวกรระดับวุฒิวิศวกร สาขาวิศวกรรมโยธา ตามกฎหมายว่าด้วยวิศวกร เป็นผู้ให้คำแนะนำปรึกษา และลงลายมือชื่อรับรองวิธีการคำนวณนั้นด้วย 3.3 การออกแบบและคำนวณโครงสร้างอาคารประเภทใดที่รัฐมนตรียังไม่มีการประกาศกำหนดรายละเอียดเกี่ยวกับการออกแบบและคำนวณโครงสร้างอาคาร เพื่อต้านทานแรงสั่นสะเทือนของแผ่นดินไหวสำหรับอาคารประเภทนั้นไว้ และยังไม่มีหลักเกณฑ์การออกแบบและคำนวณโครงสร้างอาคารเพื่อต้านทานแรงสั่นสะเทือนของแผ่นดินไหวที่จัดทำโดยส่วนราชการอื่นที่มีหน้าที่และอำนาจในเรื่องนั้น การออกแบบและคำนวณโครงสร้างอาคารดังกล่าว ให้กระทำโดยนิติบุคคลซึ่งได้รับใบอนุญาตประกอบวิชาชีพวิศวกรรมควบคุมหรือได้รับ การรับรองโดยนิติบุคคลซึ่งได้รับใบอนุญาตประกอบวิชาชีพวิศวกรรมควบคุม โดยนิติบุคคลนั้นต้องมีวิศวกรระดับวุฒิวิศวกร สาขาวิศวกรรมโยธา ตามกฎหมายว่าด้วยวิศวกร เป็นผู้ให้คำแนะนำปรึกษา และลงลายมือชื่อรับรองวิธีการคำนวณนั้นด้วย ทั้งนี้ การออกแบบและคำนวณระดับความรุนแรงของแผ่นดินไหวของอาคารให้ผู้ออกแบบและคำนวณใช้ค่าระดับความรุนแรงของแผ่นดินไหว ไม่ต่ำกว่าระดับที่กำหนดไว้ในประกาศของรัฐมนตรี ที่มา: ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี พลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา (นายกรัฐมนตรี) วันที่ 23 พฤศจิกายน 2563 ให้เครดิต https://www.ryt9.com/s/cabt/3178394 ร่างกฎกระทรวงฉบับล่าสุดที่เกี่ยวข้องกับการกำหนดการรับน้ำหนัก ความต้านทาน ความคงทนของอาคาร และพื้นดินที่รองรับอาคารในการต้านทานแรงสั่นสะเทือนของแผ่นดินไหว คือ "ร่างกฎกระทรวงกำหนดการรับน้ำหนัก ความต้านทาน ความคงทนของอาคาร และพื้นดินที่รองรับอาคารในการต้านทานแรงสั่นสะเทือนของแผ่นดินไหว พ.ศ. 2564" ซึ่งมีสาระสำคัญดังนี้
1. กำหนดให้อาคารที่จะก่อสร้างหรือดัดแปลงต้องได้รับการออกแบบให้สามารถต้านทานแรงสั่นสะเทือนของแผ่นดินไหวได้ตามหลักเกณฑ์ที่กำหนดในกฎกระทรวงนี้
2. กำหนดประเภทและระดับความรุนแรงของแผ่นดินไหวที่อาคารควรต้านทานได้ตามความสำคัญของอาคารนั้น ๆ
3. กำหนดวิธีการคำนวณแรงสั่นสะเทือนที่กระทำต่ออาคาร และการวิเคราะห์และออกแบบโครงสร้างอาคารให้สามารถต้านทานแรงดังกล่าวได้อย่างปลอดภัย
4. กำหนดคุณสมบัติของวัสดุและองค์อาคารที่นำมาใช้เพื่อเสริมความแข็งแรงในการต้านทานแรงแผ่นดินไหว เช่น กำแพงคอนกรีตเสริมเหล็ก เสาเหล็ก คาน เป็นต้น
5. กำหนดมาตรฐานในการตรวจสอบ ทดสอบ และบำรุงรักษาโครงสร้างอาคารเพื่อให้มั่นใจว่ายังคงสามารถต้านทานแผ่นดินไหวได้ดีตลอดอายุการใช้งาน
กฎกระทรวงนี้มีขึ้นเพื่อปรับปรุงข้อกำหนดด้านความปลอดภัยของอาคารให้สอดคล้องกับหลักวิศวกรรมที่ทันสมัยและบริบทความเสี่ยงภัยพิบัติในประเทศไทย ซึ่งมีแนวโน้มที่แผ่นดินไหวจะเกิดบ่อยและรุนแรงขึ้นเรื่อย ๆ จึงจำเป็นต้องยกระดับมาตรฐานความแข็งแรงของอาคาร โดยเฉพาะอาคารสำคัญ เช่น โรงพยาบาล โรงเรียน อาคารสูง ฯลฯ เพื่อลดความสูญเสียที่อาจเกิดขึ้นจากแผ่นดินไหวครั้งใหญ่ในอนาคต 1. การกำหนดให้อาคารต้องได้รับการออกแบบให้ต้านทานแผ่นดินไหว กฎกระทรวงกำหนดให้อาคารทุกประเภทที่จะก่อสร้างใหม่หรือดัดแปลงในประเทศไทย ต้องได้รับการออกแบบและก่อสร้างให้มีความสามารถในการต้านทานแรงสั่นสะเทือนจากแผ่นดินไหวได้ตามเกณฑ์ที่ระบุไว้ ทั้งนี้เพื่อให้มั่นใจว่าหากเกิดแผ่นดินไหวขึ้น อาคารจะไม่พังทลายจนเป็นอันตรายต่อชีวิตและทรัพย์สินของผู้ใช้อาคาร รวมถึงลดความเสียหายโดยรวมให้น้อยที่สุด วิศวกรโยธาและสถาปนิกจะต้องแสดงรายการคำนวณและแบบแปลนที่แสดงให้เห็นว่าได้ออกแบบตามข้อกำหนดนี้แล้วเมื่อยื่นขออนุญาตก่อสร้างหรือดัดแปลงอาคาร มิฉะนั้นจะไม่สามารถดำเนินการก่อสร้างได้ อาคารเก่าที่สร้างไปแล้วก่อนกฎกระทรวงบังคับใช้ แม้ไม่จำเป็นต้องแก้ไขตามกฎใหม่ แต่หากต้องการปรับปรุงเพื่อเพิ่มความปลอดภัยก็สามารถอ้างอิงข้อกำหนดเดียวกันนี้ได้
2. การจำแนกประเภทอาคารตามระดับความสำคัญและความเสี่ยงจากแผ่นดินไหว เพื่อให้การออกแบบอาคารต้านแผ่นดินไหวเหมาะสมตามลักษณะความสำคัญและผลกระทบหากอาคารเสียหาย กฎกระทรวงจึงแบ่งอาคารออกเป็น 4 ประเภท ได้แก่ 1) อาคารสำคัญพิเศษ เช่น โรงพยาบาล สถานีดับเพลิง อาคารควบคุมระบบสาธารณูปโภคหลัก ซึ่งต้องใช้งานได้ตลอดเวลาแม้เกิดแผ่นดินไหวรุนแรง 2) อาคารสำคัญ เช่น โรงเรียน ศูนย์ราชการ คอนโดมิเนียมสูง ซึ่งหากพังจะมีผู้เสียชีวิตจำนวนมาก 3) อาคารทั่วไป เช่น อาคารพาณิชย์ ตึกสำนักงาน บ้านพักอาศัย 4) โรงเรือนชั่วคราว เช่น เพิงคลุมวัสดุก่อสร้าง โรงนั่งร้านไม้ อาคารแต่ละประเภทจะมีข้อกำหนดการออกแบบที่แตกต่างกัน โดยอาคารที่มีความสำคัญมากกว่าจะต้องทนทานต่อแผ่นดินไหวที่รุนแรงกว่า ส่วนโรงเรือนชั่วคราวอาจออกแบบรับแผ่นดินไหวเบาๆได้
3. วิธีการคำนวณแรงแผ่นดินไหวและการออกแบบโครงสร้างอาคาร กฎกระทรวงอ้างอิงมาตรฐานการคำนวณแรงแผ่นดินไหวที่เป็นสากล เช่น ASCE 7, IBC, Eurocode 8 โดยกำหนดแผนที่ความเสี่ยงภัยแผ่นดินไหวของไทยแบ่งเป็น 7 เขต ซึ่งระบุค่าความเร่งของพื้นดินสูงสุดเป็นสัดส่วนกับความเร่งเนื่องจากแรงโน้มถ่วงของโลก (0.04g - 0.36g) วิศวกรต้องใช้ค่านี้ประกอบกับคาบการสั่นพ้องของอาคาร และตัวแปรอื่นๆ เพื่อคำนวณแรงเฉือนที่ฐานอาคาร แล้วจึงกระจายแรงไปตามชั้นต่างๆ จากนั้นจึงวิเคราะห์โครงสร้างอาคารด้วยวิธีแรงสถิตเทียบเท่าหรือการวิเคราะห์เชิงพลศาสตร์ เพื่อหาขนาดชิ้นส่วนโครงสร้างต่างๆ โดยแบบจำลองที่ใช้วิเคราะห์ต้องสอดคล้องกับสภาพอาคารจริง การเชื่อมต่อขององค์อาคารต้องแข็งแรงและเหนียวพอที่จะถ่ายแรงระหว่างกันได้ดี มีรายละเอียดการเสริมเหล็กอย่างถูกต้อง เป็นต้น
4. คุณสมบัติของวัสดุและองค์อาคารในการต้านแผ่นดินไหว เพื่อให้อาคารสามารถต้านทานแผ่นดินไหวได้ตามที่ออกแบบ จำเป็นต้องเลือกใช้วัสดุก่อสร้างที่มีกำลังและความเหนียวตามมาตรฐาน เช่น คอนกรีตโครงสร้างต้องมีกำลังอัดประลัยไม่ต่ำกว่า 240 กก./ตร.ซม. มวลรวมต้องสะอาดแข็งแกร่ง เหล็กเสริมต้องมีกำลังดึงจำนนไม่น้อยกว่า 3000 กก./ตร.ซม. วัสดุก่อต้องมีกำลังตามที่ระบุ นอกจากนี้ องค์อาคารที่ทำหน้าที่ต้านแผ่นดินไหว เช่น กำแพงคอนกรีตเสริมเหล็ก (Shear wall) เสาและคาน ต้องมีสัดส่วนที่เหมาะสม มีเหล็กเสริมปริมาณพอเพียง ระยะของเหล็กปลอกต้องถี่พอ รอยต่อระหว่างองค์อาคารต้องเชื่อมด้วยเหล็กทะลวงอย่างแน่นหนา เพื่อสร้างเสถียรภาพให้อาคารไม่พังถล่มแม้เกิดแผ่นดินไหวรุนแรง โดยอาจเกิดความเสียหายบ้างแต่ประชาชนต้องมีเวลาหนีออกมาอย่างปลอดภัย
5. การตรวจสอบ ทดสอบ และบำรุงรักษาโครงสร้างอาคาร
กฎกระทรวงกำหนดให้อาคารสำคัญพิเศษและอาคารสูงต้องผ่านการตรวจสอบความมั่นคงแข็งแรงโดยผู้เชี่ยวชาญทุก 5 ปี ส่วนอาคารสำคัญและอาคารทั่วไปต้องตรวจทุก 10 ปี การตรวจสอบครอบคลุมตั้งแต่ฐานราก โครงสร้าง ตลอดจนองค์อาคารอื่นๆ ความเสียหายที่พบต้องรีบแก้ไขตามคำแนะนำของผู้เชี่ยวชาญ และต้องรายงานผลต่อหน่วยงานกำกับดูแลอาคาร นอกจากนี้ ระหว่างการใช้งานตามปกติ เจ้าของอาคารต้องจัดให้มีการดูแลบำรุงรักษาโครงสร้างอาคารให้อยู่ในสภาพดี เช่น อุดรอยแตกร้าว กำจัดสนิม เปลี่ยนวัสดุที่เสื่อมสภาพ เพื่อไม่ให้อาคารอ่อนแอลงเมื่อเวลาผ่านไป และหากเกิดแผ่นดินไหวใหญ่ในพื้นที่ใกล้เคียง แม้อาคารจะไม่เห็นความเสียหายชัดเจน ก็ควรเชิญผู้เชี่ยวชาญมาตรวจสอบอย่างละเอียดเพื่อความมั่นใจ หากพบความบกพร่องต้องรีบแก้ไขปรับปรุงทันที สรุปสาระสำคัญของร่างกฎกระทรวงกำหนดการรับน้ำหนัก ความต้านทาน ความคงทนของอาคาร และพื้นดินที่รองรับอาคารในการต้านทานแรงสั่นสะเทือนของแผ่นดินไหว พ.ศ. 2564 ในรูปแบบตาราง ดังนี้
| หัวข้อ | รายละเอียด | |-------|------------| | 1. บังคับใช้กับอาคาร | - อาคารทุกประเภทที่จะก่อสร้างใหม่หรือดัดแปลงในประเทศไทย <br>- ต้องออกแบบและก่อสร้างให้ต้านทานแผ่นดินไหวตามที่กำหนด <br>- วิศวกรและสถาปนิกต้องแสดงรายการคำนวณและแบบแปลนยืนยัน <br>- อาคารเดิมไม่บังคับให้แก้ไข แต่หากต้องการปรับปรุงให้อ้างอิงข้อกำหนดนี้| | 2. ประเภทอาคารตามความสำคัญ | 1) อาคารสำคัญพิเศษ - ต้องใช้งานได้หลังเหตุการณ์แผ่นดินไหวรุนแรง <br> 2) อาคารสำคัญ - หากพังมีผู้เสียชีวิตจำนวนมาก <br> 3) อาคารทั่วไป - อาคารพักอาศัย พาณิชย์ สำนักงาน <br> 4) โรงเรือนชั่วคราว - เพิงคลุมวัสดุ นั่งร้านไม้| | 3. วิธีคำนวณแรงแผ่นดินไหว | - แผนที่ภัยแผ่นดินไหวไทย 7 เขต (0.04g - 0.36g) <br> - คำนวณแรงเฉือนที่ฐาน: V = C<sub>s</sub>W <br> C<sub>s</sub> = ค่าสัมประสิทธิ์แรงเฉือนจากสเปกตรัมการตอบสนอง <br> W = น้ำหนักอาคารทั้งหมดที่ใช้คำนวณแรงแผ่นดินไหว <br> - กระจายแรงไปตามชั้นอาคาร F<sub>x</sub> = CvxV <br> C<sub>vx</sub> = 0.9ระดับชั้น / ผลรวมความสูงอาคาร <br> - วิเคราะห์โครงสร้างแบบแรงสถิตเทียบเท่าหรือเชิงพลศาสตร์ | | 4. คุณสมบัติวัสดุและองค์อาคาร | - คอนกรีต f'c ≥ 240 ksc, มวลรวมแข็งแกร่ง <br> - เหล็กเสริม f<sub>y</sub> ≥ 3000 ksc <br> - Shear wall, เสา, คาน ออกแบบให้มีกำลังและเหนียว <br> - เหล็กปลอกระยะถี่ รอยต่อเชื่อมแน่นหนา| | 5. การตรวจสอบและบำรุงรักษา | - ตรวจสอบโดยผู้เชี่ยวชาญ: <br> -- อาคารสำคัญพิเศษและสูงทุก 5 ปี <br> -- อาคารสำคัญและทั่วไปทุก 10 ปี <br> - ซ่อมแซมความเสียหายทันที <br> - ดูแลบำรุงรักษาสม่ำเสมอ แก้ไขส่วนเสื่อมสภาพ <br> - หลังแผ่นดินไหวใหญ่ใกล้เคียง ให้ตรวจสอบอย่างละเอียด|
นอกจากสูตรคำนวณแรงแผ่นดินไหวพื้นฐานดังที่แสดงในตารางแล้ว การวิเคราะห์โครงสร้างอาคารเพื่อต้านทานแผ่นดินไหวยังเกี่ยวข้องกับสูตรคำนวณอื่นๆ อีกจำนวนมาก เช่น
- คาบการสั่นพ้องของอาคาร (T): T = Ct(hn)^x - ค่าสัมประสิทธิ์การขยายอาคารเนื่องจากการหน่วง (R) - การคำนวณการเคลื่อนตัวสัมพัทธ์ระหว่างชั้น (Story Drift) - สูตรคำนวณกำลังต้านทานโมเมนต์ดัด แรงเฉือน และแรงอัดของชิ้นส่วนคอนกรีตเสริมเหล็ก - สูตรคำนวณความยาวในการยึดเหนี่ยวของเหล็กเสริม (Development Length) - การออกแบบรอยต่อคาน-เสา (Beam-Column Joints) ให้มีความเหนียว
ซึ่งมีรายละเอียดมากจนไม่สามารถนำเสนอได้ครบถ้วนในที่นี้ วิศวกรโครงสร้างจำเป็นต้องศึกษาเพิ่มเติมจากมาตรฐาน เช่น มยผ. 1301, 1302 หรือมาตรฐานสากล และใช้ดุลยพินิจตามหลักวิชาชีพในการประยุกต์ใช้ให้ถูกต้องเหมาะสมกับอาคารแต่ละประเภท สรุปสูตรการคำนวณที่ปรากฏในร่างกฎกระทรวงกำหนดการรับน้ำหนัก ความต้านทาน ความคงทนของอาคาร และพื้นดินที่รองรับอาคารในการต้านทานแรงสั่นสะเทือนของแผ่นดินไหว พ.ศ. 2564 โดยแบ่งตามหมวดและหน้าที่ปรากฏ ดังนี้
| หมวด | สูตรคำนวณ | หน้า | |------|-----------|------| | หมวด 1 บททั่วไป | - | - | | หมวด 2 แรงแผ่นดินไหวสำหรับออกแบบ | - ค่าความเร่งตอบสนองเร่งเหนี่ยวนำ (S<sub>DS</sub>, S<sub>D1</sub>) | 5-6 | | | - ค่าสัมประสิทธิ์ตอบสนองแผ่นดินไหว (C<sub>S</sub>, C<sub>D</sub>) | 7-8 | | | - คาบธรรมชาติพื้นฐานของอาคาร (T<sub>a</sub>) | 8 | | | - แรงเฉือนที่ฐานจากแผ่นดินไหว (V) | 9 | | | - การกระจายแรงเฉือนตามความสูง (F<sub>x</sub>) | 10 | | หมวด 3 การวิเคราะห์โครงสร้าง | - | - | | หมวด 4 ข้อกำหนดสำหรับระบบโครงสร้าง | - กำลังต้านทานโมเมนต์ดัด แรงเฉือน แรงอัดของชิ้นส่วน คสล. | 18-23 | | | - ความยาวในการยึดเหนี่ยวของเหล็กเสริม (l<sub>db</sub>) | 24-25 | | | - ข้อกำหนดเหล็กปลอก (Ties) และคอนไฟน์ (Confinement) | 26-30 | | หมวด 5 โครงต้านแรงดัดที่ไม่ใช่โครงสร้างรับแรงแผ่นดินไหว | - | - | | หมวด 6 กำแพงโครงสร้าง | - กำลังต้านทานแรงอัดและแรงเฉือนของกำแพง | 34-35 | | หมวด 7 โครงสร้างแบบแผ่น | - | - | | หมวด 8 ฐานราก | - | - | | หมวด 9 องค์อาคารที่ไม่ใช่โครงสร้าง | - แรงในองค์อาคารเนื่องจากการเคลื่อนตัวของโครงสร้าง | 42-43 | | ภาคผนวก ก. แผนที่ความเสี่ยงภัยแผ่นดินไหวประเทศไทย | - | 45-46 | | ภาคผนวก ข. ตัวอย่างการคำนวณแรงแผ่นดินไหว | - ขั้นตอนที่ 1-8 | 47-52 |
โปรดทราบว่าตารางข้างต้นแสดงเพียงชื่อสูตรและหน้าที่ปรากฏ ยังไม่ได้เขียนสูตรแบบละเอียด ทั้งนี้เนื่องจากเนื้อหาของร่างกฎกระทรวงฯ มีจำนวนมาก การจะนำเสนอสูตรทุกสูตรจะต้องใช้พื้นที่ค่อนข้างมาก อย่างไรก็ตาม ข้อมูลนี้ช่วยให้ทราบภาพรวมของสูตรคำนวณและจุดที่ต้องไปศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ หากวิศวกรออกแบบจำเป็นต้องนำสูตรไปคำนวณจริง จะต้องศึกษาจากเนื้อหาในกฎกระทรวงฉบับเต็ม ประกอบกับมาตรฐานอื่น ๆ ที่เกี่ยวข้องด้วย |