กว่าจะเป็นวุฒิวิศวกรโยธา
ReadyPlanet.com
bullet กฎกระทรวง กําหนดลักษณะอาคารประเภทอื่นที่ใช้ประกอบธุรกิจโรงแรม พ.ศ. ๒๕๕๙
dot
Group Menu
dot
bulletวุฒิวิศวกรออกแบบโครงสร้าง
dot
Newsletter

dot
bulletโครงการแก้ไขปัญหาสิ่งแวดล้อม
bulletวิศวกร งานโลหะ และ เหล็ก
bulletสารพัดปัญหาของวิศวกรโยธา ก่อสร้าง
bulletรับรองความมั่นคงอาคาร โรงเรียนกวดวิชา วุฒิวิศวกร
bulletคณภาพของ วิศวกร
bulletไฟไหม้ กับ งาน วิศวกร โยธา
bulletPower Plant Job กับ งาน วิศวกร
bulletวิศวกรโยธา กับ ตลาด รับสร้าง บ้านชิ้นส่วนสำเร็จรูป
bulletวิศวกร กำหนด มาตราฐาน ออกแบบ แผนผังโรงงาน
bulletวิศวกร กับ การเลือกทำเล ที่ตั้งโรงงาน
bulletขอบเขตงานที่วิศวกร ระดับต่างๆ ทำได้ แก้ไขใหม่
bulletมาตรฐานกําหนดตําแหน่งสายงาน วิศวกรรมโยธา
bulletน้ำ และ สารผสม คอนกรีต
bulletgooglebc0321ea4a8e3495.html




กว่าจะเป็นวุฒิวิศวกรโยธา Diary

แอดไลน์ เพื่อรับบริการปรึกษาจาก วุฒิวิศวกรโยธา ฟรี

Add Line for Free consultant: 4wee


บริการ ตรวจสอบและรับรองความมั่นคงแข็งแรงของโครงสร้าง ฐานราก  สำหรับโรงงานควบคุม และอาคารควบคุม โดย วุฒิวิศวกรโยธา

(Building Inspector and Certificate for Control Factory and Control Building By Senior Professional Civil Engineer)


บริการงานออกแบบ เขียนแบบ ตรวจสอบรับรองรายการคำนวณโครงสร้างอาคาร เซ็นแบบ เพื่อขออนุญาตก่อสร้าง หรือ ต่อใบอนุญาต หรือขออนุญาตแบบเร่งด่วนโดย วุฒิวิศวกรโยธา

(Building Design ,Certify Calculation of Structure of Building and Sign for Get Permit)


รับขออนุญาต ดัดแปลงอาคาร และ ขออนุญาตเปลี่ยนการใช้อาคาร อ5

ตรวจสอบและ รับรองความมั่นคงของท่าเรือ และ อาคาร เพื่อต่อใบอนุญาต หรือ ขอเปิดเป็นสถานศึกษา หรือ โรงแรม โดย วุฒิวิศวกรโยธา


(Certify for Stability of Habor and Building for Extend Permission or Open for Legal School and Hotel)


ตรวจสอบและออกแบบเพื่อ เสริมกำลังโครงสร้างและเสริมความมั่นคงแข็งแรงของโครงสร้างให้รับน้ำหนักได้มากขึ้น รับแผ่นดินไหว หรือ ซ่อมแซมอาคารที่แตกร้าว ทรุดตัว หรือ ต่อเติมเพิ่มชั้น โดย วุฒิวิศวกรโยธา



(Structure Strengthening for more heavier load capacity or Earthquake Load or Repair Crack and Foundation settlement or Add more Story on top of Existing Building)


ติดต่อ บ.4ดับบลิวดีเวลลอปเมนท์ จำกัด 

Contact : 4WDevelopment Co.,LTD


ทาง เบอร์โทร Mobile number 081 297 4848


หรือ ที่ อีเมลย์ Email: w@4we.in

 

เฟสบุ๊คแฟนเพจ https://www.facebook.com/APEC.Engineer/


สิ่งใดที่จิตเชื่อ จิตสามารถทำสิ่งนั้นได้ ตอนแรกผมเป็นวิศวกรโยธา ก็เขียนเวบไซต์ไม่เป็นเลย ตอนแรกที่เขียนก็ไม่คิดว่าจะมีคนดู แต่พอเริ่มแล้วก็มีคนดูเพิ่มเรื่อยๆ แต่ก็แปลกที่บางเว็บอัพเดทบ่อยแต่ก็ไม่ค่อยมีคนดู บางเว็บแทบจะไม่ได้อัพเดทกลับมีคนดูเยอะกว่าอีก ตอนนี้ก็มาทำธุรกิจส่วนตัวอย่างเต็มเวลา ได้สิบปีแล้ว มันก็เป็นไปตามเหตุและผล ที่เราวางไว้คือ ต้องมองเห็นภาพสิ่งที่เราจะเป็นให้ได้ก่อน แล้ว เราก็จะทำงานแต่ละวันให้ดีที่สุด ตรงตามเป็าที่เล็งไว้ เพื่อไปให้ถึงจุดมุ่งหมายระยะยาวได้ แต่สภาพการแข่งขัน เทคโนโลยีซอฟแวร์คอมพิวเตอร์ และโดรน เข้ามาเร็วมาก การทำงานแบบเก่าๆ อาจจะช้าเกินไป ก็ต้องหาตลาดตัวเองให้เจอ ตอนนี้ทำธุรกิจ วิศวกรรม ของตัวเองเต็มเวลา ก็เริ่มแบบมวยวัดเหมือนเดิม ทำทุกอย่างไปเรื่อยๆ ให้มันอยู่รอดไว้ก่อน จนมีความมั่นใจมาก และเข้าใกล้เป้าหมายที่วางไว้ ขึ้นเรื่อยๆ กลายเป็นว่าการเขียนเรื่องที่เราชำนาญ เป็นการที่ทำให้มีลูกค้าที่มีคุณค่า ตรงกลุ่ม เข้ามาหาเราได้ดีที่สุด และยืนยาวกว่า

5/08/63 

ช่วงนี้ เจอแต่งานยากๆ งานที่วิศวกรคนอื่นออกแบบไว้ แล้วเขาทำไว้พอดีๆ ออกในทางที่น้อยที่สุดที่โครงสร้าง หรือฐานราก จะพออยู่ได้ พอเราไปตรวจสอบ และ จะรับรองความมั่นคงแข็งแรงของ อาคาร คำนวณแล้วไม่พอ

มันเลยต้องพยายามคิดนอกกรอบ ให้มากที่สุด เท่าที่จะมากได้ เพราะทางเจ้าของ เขาก็คิดว่า ตึกเขาแบบนี้ ทำมาเยอะแล้ว มันยังอยู่ไม่พังเลย จะต้องเพิ่มเติมอะไรมากมายไม่ได้ แต่ถ้าจะให้รับรองก็คงต้องทำปรับปรุงให้พอสมควรอยู่ได้ แล้วถ้าไม่ได้งาน ก็ช่างมัน

14/02/63

วันนี้ก็ถึงวันแห่งความรัก แล้ว พออายุมากขึ้น มองย้อนกลับไป สมัยยังเริ่มทำงาน หนุ่มๆ ก็รู้สึกว่า แตกต่างจากตอนนี้มาก ใจร้อนอยู่มาก เอาแต่ใจตัวเอง ถ้ารู้ถึงการเข้าใจเรื่องของคนให้มากขึ้น ก็น่าจะประสพความสำเร็จได้เร็วกว่านี้ แต่ตอนนั้นก็ไม่ได้มีใครสอน เรื่องทางธุรกิจ ให้ทำงานกินเงินเดือน กินค่าแรงไปอย่างเดียว ยังดีที่ไม่ทิ้งเรื่องงานออกแบบ งานตรวจสอบหน้างานก่อสร้าง งานกฎหมายวิศวกรรม และ คอมพิวเตอร์ ก็เลยยังพอตามทำงานกับ ฝรั่งที่เขามาทำมาหากินกันในบ้านเรา แต่การจะลงเข้าไปในรายละเอียด มันไม่ง่ายเลย ถ้าไม่มีใจรักจริงๆ และพอจุดหนึ่งก็อยากจะให้ได้ดีทางจิตวิญญานแล้ว เพราะคนเราไม่ใช่เกิดมาเพื่อทำงานแล้วก็จากโลกนี้ไป  

 26/12/62

 

ใครจะไปเชื่อว่า เวลาคนเราหมดไฟในการเขียนเวบ ก็ทิ้งไปเลย 1 ปีเต็มๆ พอดี มีภาระกิจส่วนครอบครัวมากขึ้น และมีหน้า Facebook Page ให้ทำงาน อัพโหลดรูปภาพ แชร์ข้อมูลต่างๆ ได้ เข้าถึงคนแบบถึงตัวได้ง่ายกว่าเขียนเอง และเล่นทุกอย่างบนเครื่อง แท๊บเล็ต หรือ มือถือ ได้ เลยใช้เวลาไปทางนั้นแทน แต่เล่นมากๆ ก็เริ่มรู้ว่า มันจะมาถึงทางตัน คนเรื่มเบื่อแล้ว เพราะเนื้อหามันเริ่มซ้ำกัน คงต้องหาอะไร ทำใหม่ๆ แทน

12/12/61

ใครจะไปเชื่อว่าค่าเงินของ บิทคอย ตกลงมาต่ำกว่า เหลือแค่ 40% ได้ภายในเวลาไม่ถึง 1 ปี ไม่ได้ดูอะไรผ่านไปรวดเร็วมากจนแทบจะ ตกยุคไปได้ง่ายๆ เลย บ้านเราก็ทำได้แค่ งานที่พื้นๆ Back to Basic ก็ไม่รู้จะโดนผลกระทบอะไร มากไหม ในน้ำมีปลา ในนามีข้าว ก็น่าจะยังอยู่ต่อไปได้ ถ้าไม่มีหนี้สิน ศาสนาพุทธ สอนให้ ลดละความโลภอยากได้สิ่งของฟุ่มเฟือยลงไปได้คือหนทางอยู่รอด ยังคงเป็นความจริงๆอยู่ เราก็ทำงานโยธา โครงสร้างพื้นฐานกันต่อไป น่าจะไปได้อีกสักพักนึงจนกว่าจะสร้างสาธารณูปโภค ได้ครบตาม ขั้นต่ำ ของประเทศกำลังพัฒนา

 

08/1/61

ใครจะไปเชื่อว่า เรามาถึงยุคที่ มีการซื้อ อนุพันธ์ ของ เงิน บิทคอย กันได้แล้ว จะเอากันไปถึงไหน ปั้นมูลค่าขึ้นมาจาก ความโลภของมนุษย์ ได้ไม่มี ที่สิ้นสุด จริงๆ ไม่กล้าคิดเลยว่าอีก 10 ปี ต่อไป โลกจะเป็นอย่างไรแล้ว ในขณะที่ เราอายุมากขึ้น สิ่งที่สูญเสียไป กับ สิ่งที่พัฒนาได้ขึ้นมา จะเท่าเทียมกันนั้นก็ยากมากเลย การสื่อสารและการเงินเสมือน เข้ามาทำให้โลกแห่งความเป็นจริงโหดร้ายมาก ถ้าไม่เข้าใจ ธรรมะ คนเราก็จะยิ่งไม่มีที่พึ่ง

 

เป็นไปตาม ทฤษฎี ของ ชาล์ ดาวิน ที่กว่าไว้ ว่า

สิ้งมีชีวิตที่อยู่รอดได้นาน ที่สุด ไม่ใช่สิ่งมีชีวิต ที่ฉลาดที่สุด แต่เป็น สิ่งมีชีวิต ที่สามารถปรับตัวได้ดีที่สุด ต่างหาก

 

 

 

สามสิบกว่าปีก่อน ผมเรียนระดับประถมที่โรงเรียนวัดประยุรวงศาวาส ยังชื่อ วีระ แช่เจา อยู่เลย แล้วก็มาเรียนเจอมีเพื่อนรุ่นเดียวกันมาเป็นรุ่นพี่ ที่มหาวิทยาลัยเดียวกัน 1 คน เป็นวิศวกรไฟฟ้า เพราะสมัยก่อน เขามีสอบเทียบข้ามไป มศ5 หรือ ม6ได้ และเป็นเพื่อนร่วมรุ่นอีก 1 คน เป็น วิศวกรอุตสาหการ ตอนนี้ทำงานอยู่ที่ ซีพี ไปแล้ว ที่เหลือก็มีอยู่มหาวิทยลัยอื่นมาเจอกันในเว็บนี้ ภายหลังก็มีอยู่ 1 คนโลกมันกลมจริงๆ และอีกหลายคน ที่จบวิศวกรรมที่อื่น

 

และเรียนระดับมัธยมศึกษาที่โรงเรียนวัดสุทธิวราราม ตอนแรกก็เรียนไม่เก่ง ต้องมาเร่งเอา 2 ปีก่อนเอนทราน มีเพื่อนร่วมรุ่น อยู่ 9 คน ที่มาอยู่ที่คณะวิศวฯ จุฬาฯ แต่เพื่อนโรงเรียนไม่มีใครเลือกเรียน วิศวกรโยธา เลย มีอยู่ 1 คน เลือก เรียน วิศวกรสำรวจ แต่ตอนนี้ก็ทำงานเป็นวิศวกรโยธา สอบได้ระดับสามัญ วิศวกรโยธา เป็นผู้จัดการโครงการ อยู่บริษัท ช.การช่างไปแร่ะ

ส่วนในรุ่น 400 คน ตอนนี้ ไปเป็นผู้บริหารระดับสูง หลายคน ใน เชพรอน, ปตท, TDRI, ตลาดหลักทรัพย์MAI  

 

 ตอนเข้าปี 1 ผลการเรียนของผมสามารถเข้า เรียนแผนกอะไรก็ได้ แต่ก็เลือก แผนก โยธา ทั้งๆ ที่คุณพ่ออยากให้ผมเรียนแผนกไฟฟ้ามาก  แต่ผมไม่ชอบ วิชาไฟฟ้า เพราะมองไม่เห็นผลงานชัดๆ ต้องใช้เครื่องมือวัดมากมาย ซึ่งอาจจะคิดผิดก็ได้ เพราะงานอิเล็คโทรนิคไปได้เร็วมากดูอย่าง มือถือ และ คอมพิวเตอร์ อินเตอร์เน็ต และ เกมส์ แอนนิเมชั่น ต่างๆ ที่มาให้เราใช้จนตามไม่ทันเลย 3G-4Gจนถึง อภิอำนาจ 5G แต่ดวงผมเป็นคนดื้อมากๆ ไม่มีใครขวางได้ต้องเรียนโยธาไปก่อน ตอนนี้มาคิดอาจจะกลับไปเรียนเพิ่มเติมนอกหลักสูตร ภาค คอมพิวเตอร์ต่อ ก็ได้ 

 ในช่วงที่ผม เรียน ปีที่2 ที่คณะ วิศวกรรมโยธา งานก่อสร้าง ซบเซามาก จนไม่ค่อยมีใคร อยากเรียน แผนกนี้ แต่ เพื่อนคนที่ได้เกรดดีที่สุดในคณะ 2 คน ก็เลือกที่จะมาเรียนแผนก โยธา เพราะครอบครัว ที่ทำธุรกิจก่อสร้าง อยู่แล้ว ซึ่งผมก็เคยไปช่วยงานเพื่อนคนนี้อยู่หลายโครงการด้วย

ปีที่ 3 ผมชอบงานออกแบบโครงสร้างมากที่สุด ที่ คณะ วิศวกรรมโยธา มีสาขาให้เรียนมากมายเพราะ เป็นพื้นฐานที่ต้องใช้ในการทำงาน เช่น สำรวจ ธรณีวิทยา กลศาสตร์ ชลศาสตร์ แต่เพราะอยากเป็นวิศวกรโครงสร้างเพราะเป็นวิชาที่ผมทำคำแนนได้ดีที่สุด และโชคดีที่มีการใช้ micro computer เริ่มแพร่หลายมากขึ้น

 

ทางคณะ วิศวกรรมโยธา ได้เริ่มมี PC computer ให้นิสิต เข้ามาใช้งานได้ ผมจึงได้ศึกษา MS Dos  และ โปรแกรม supercal และ ภาษา Basic และ Pascal และ ภาษาเครื่อง Assembly ในเครื่อง apple และเห็นอาจารย์ เล่นต่อ Modem เพื่อสื่อสารกันบ้างแล้ว แต่ยังอยู่บนเครื่อง apple และยังทำอะไรได้น้อยมากไม่เหมือนปัจจุบันที่เครือข่าย world wide web แบบ สมัยนี้ จะเห็นว่าเราสามารถใช้คอมพิวเตอร์ ประยุกต์ให้ทำงานออกแบบเป็นวิศวกรออกแบบโครงสร้าง และทุกสาขาได้ง่ายกว่าเดิมเพราะสมัยก่อนต้องใช้เครื่องคิดเลข ทำ Moment Distribution กันทุก Frame แต่ปัจจุบัน โปรแกรมที่ใช้ระบบ Finite element มีออกมามากมายให้เลือกใช้กันได้ทำให้มีเวลา ทำ model เปรียบเทียบดูหลายๆ แบบ แม้แต่บนมือถือ ก็สามารถหาแอพอะไรได้ง่ายๆ ไม่แพงมาก ก็ทำงานอะไรได้เยอะกว่าสมัยก่อนมากมายแล้ว

 

ช่วงจบปี 2 summer ได้มีโอกาสทำงานสำรวจระดับ รอบ กทม. กับ อาจารย์ หมู คณะวิศวกรรม สำรวจจึงได้มีโอกาสใช้วิชาสำรวจ ที่เรียนมาได้เต็มที่ มีการใช้เครื่องคอมพิวเตอร์มือถือรุ่นเล็กๆ ใช้ถ่าย AAA อยู่เลย ที่เขียนด้วยภาษา Basic ใช้ในการเก็บข้อมูล ภาคสนาม และประมวลผล ค่าต่างระดับได้แล้ว และได้เห็นสภาพพื้นที่นอกๆ ของกรุงเทพ ที่ยังไม่เจริญในสมัยนั้น แต่สมัยนี้เจริญขึ้นมากแล้ว สมัยนั้นได้้ค่าแรงแค่วันละ 100 บาท ก็ดีใจแล้ว ใช้ทำอะไรได้มากกว่า สมัยนี้ที่ค่าแรงขั้นต่ำ 300-400 บาทเยอะเลย เพราะของแพงมากๆ

ช่วงจบปี 3 ได้มีโอกาสฝึกงานที่ บริษัท วิศวกรที่ปรึกษา แห่งหนี่งที่ควบคุมงานก่อสร้างสนามบินดอนเมือง ซึ่งกำลังทำงานโยธา เช่น ขยาย runway , Taxi way และ อาคาร Terminal ด้วย ได้ดูแบบงานโยธา งานดิน Asphalt concrete และแบบก่อสร้างที่ได้มาตราฐาน และงานก่อสร้างโครงสร้างอาคาร ขนาดใหญ่ มีการใช้เครื่องคอมพิวเตอร์มือถือรุ่นเล็กๆที่เขียนด้วยภาษา Basic ใช้ในการคำนวณหาตำแหน่ง จุดตั้งกล้องจากกล้อง line ส่องไปที่เสาสูง 3 ต้นที่ทราบค่าตำแหน่งแล้ว คงคล้ายๆ กับระบบ GPS สมัยนี้ แต่งานแบบโบราณทำให้งาน ภาคสนามสำหรับพื้นที่ใหญ่ๆ สะดวกขึ้น ได้เห็นการทำงานจริงๆ แต่ช่วงฝึกงานอยู่เป็นช่วงที่เศรษฐกิจประเทศ ไม่ดี พวกนิสิตที่ฝึกงานบางที่เลยไม่ได้เบี้ยเลี้ยงเลย  แต่สำหรับผมก็นับว่าได้ประสพการณ์ที่คุ้มค่ามาก ถือว่าวางรากฐานเริ่มต้นดี กับงานอินเตอร์ งานใหญ่ๆ


ชั้นปี 4 ตอนทำวิชา Engineering Project อาจารย์ที่ปรึกษา ได้แนะนำให้ผมได้ทำโปรแกรม ช่วยเหลือ วิศวกรโยธา ในการเขียนแบบโครงสร้างคอนกรีตเสริมเหล็ก เพื่อให้ ส่งต่อข้อมูล ให้ ใช้กับ autocad ผ่านทาง dxf file สามารถ นำมาแบบ คาน, พื้น, เสา,ฐานราก และ บันได เพื่อง่ายต่อการแก้ไข และ Plot แบบ ออกมาได้เลย  สมัยนั้น ยังคอมพิวเตอร์ใช้ รุ่น Intel 286 อยู่เลย แต่ก็สามารถใช้ Plotter A3 Plot ออกมาใช้งานได้ สามารถ แก้ไขแบบได้ง่าย กว่า ระบบเขียนแบบบนกระดาษไข แบบเดิม ซึ่งก็คงเป็นการต่อยอด 30 ปี มาเป็นระบบ BIM 3D 4D 5D ในปัจจุบัน

พอผมจบ ปี4 จาก วิศวะ จุฬาฯ ปี31 ตอนที่ งานก่อสร้างกำลังจะเริ่มฟื้นตัว งานวิศวกรโยธา ยังหายากอยู่ ต้องไปหาหลายที่ถึงจะได้ทำงานที่บริษัท บีซีเอ็มวิศวกรที่ปรึกษา ที่เป็นงาน คอนซัลต์ แห่งหนึ่ง สมัยนั้นได้เงินเดือน 5,000 บาท ซึ่งก็นับว่าพออยู่ได้ เพราะเพื่อนๆ ส่วนใหญ่จะไปเรียนต่อกันเพราะ ทำงานแล้วไม่คุ้ม และบางส่วนก็ไปเรียนบริหารธุรกิจกัน ไม่ต้องมาทำงานก่อสร้างอีกเลย ซึ่งก็โชคดีน่าจะได้เห็นภาพรวมระบบการเงินในช่วงฟองสบู่มากกว่า  ตอนนี้เขาไปเป็นผู้จัดการกองทุนของธนาคารต่างๆ หรือ บางคนเป็นถึงเจ้าของบริษัทโบรคเกอร์ กิมเอ็ง อันดับหนึ่ง ในตลาดหลักทรัพย์กันเลย เราก็ได้แต่ทำงานในวิชาชีพไปโดยแทบจะไม่รู้เรื่องระบบการเงินเลย นอกจากศึกษาทฤษฎีซื้อขายหุ้น

โชคดีที่บริษัท วิศวกรที่ปรึกษา นั้น ได้เจอ วิศวกรโยธา รุ่นพี่ ที่จบจุฬาฯ เป็นคนสัมภาษณ์ แกจบมานานแล้ว และยังชอบปฎิบัติ ธรรมะ ด้วย แต่มีความรู้ในเรื่องคอมพิวเตอร์เป็นอย่างดี แกชอบที่ผมเล่นและเขียนคอมพิวเตอร์โปรแกรมได้จึงรับไว้ให้ ทำงาน กับ กรรมการผู้จัดการ ซึ่งก็เป็นรุ่นพี่ วิศวกรโยธา ที่จุฬาอีกเหมือนกันจึงได้ จ้างเป็น ผู้ช่วย วิศวกรออกแบบ อยู่ใน ออฟฟิตเล็กๆ ก่อนที่ภายหลังบริษัทฯ จะขยายงานไปเรื่อยๆ รับคุมงาน ทั่วประเทศไทยเลย และซื้อสำนักงานใหญ่ขึ้น มีพนักงานมากที่สุดคือตอนฟองสบู่ใกล้แตก บริษัทฯก็ได้รายได้เป็นกอบเป็นกำ เพราะโครงข่ายเพื่อนฝูงและความสัมพันธ์กับเจ้าของโครงการเยอะ และงานก่อสร้างก็เยอะมากกว่าคนทำทัน ขนาดคนขายข้าวมันไก่ยังมีโครงการเปิดตึกของตัวเองก็มี บริษัทรับเหมาต่างๆ ก็เติบโตด้วยวิธีก้าวกระโดดก็เยอะ จนเข้าตลาดหลักทรัพย์มาถึงตอนนี้ก็มากมาย แต่ที่ล้มหายไป ก็มากเหมือนกัน แต่ตอนฟองสบู่แตกก็แยกย้าย ตัวใครตัวมันเลย

รุ่นพี่แกเขียนโปรแกรมภาษา Basic ได้เก่งมากทีเดียวสมัยนั้น แกยัง สามารถให้มีเมนูได้ด้วย ใช้ออกแบบคานได้ดี แต่ช่วงแรกแกยังต่อต้าน ระบบ window อยู่ แต่พอผมแนะให้แกลองใช้ โปรแกรม Mathcad ดูแกชอบมากและใช้ต่อมาเรื่อยๆ จนคล่องทำอะไรได้ จนแกเก่งและชอบ window จนปัจจุบันผมยังต้องกลับมาปรึกษาแกเรื่อง computer อยู่เสมอ

และอยู่กับแกได้มีโอกาศฝึกออกแบบคานและเสาที่ยังทำเป็นตารางคำนวณ ขนาด คาน ที่ vary เหล็ก ไปตามค่า น้ำหนัก Moment หรือ ค่า shear ทำให้ทำงานเป็นระบบมาก ช่วยลดระยะเวลาในช่วงที่ไม่มี ระบบคอมพิวเตอร์

ได้ช่วยพี่เขา พิมพ์รายการประกอบแบบงานโครงสร้าง และสัญญางานจ้างเหมา เพื่อใช้เซ็นต์ สัญญา สมัยนั้นยังใช้โปรแกรมที่ รันบนDos คือ ราชวิถีเวิรด อยู่เลย ไม่มีโปรแกรม office word อย่างสมัยนี้ แต่ก็ยังดีกว่าเครื่องพิมพ์ดีดเยอะ การคุมงานจริงๆ หลายๆ ไซต์ ก็มีโอกาสได้ใช้ข้อความในสัญญา บ้าง วิถีแบบไทยก็มีอะไรหลายอย่างไม่ได้ทำตามตัวหนังสือ ไม่บังคับกัน ไม่จริงๆ จังเหมือน กับพวกฝรั่ง ที่เค้าจะทำตรงไปตรงมา ตอนนั้นก็ยังไม่รู้จัก ระบบสัญญาแบบ FIDIC ที่ใช้กันในงานใหญ่ๆเลย

พี่เขาเคยไปทำงานที่ ซาอุ เลยมีโปรแกรมออกแบบ ETAB และ ได้ศึกษาโปรแกรมวางแผนงานก่อสร้าง ซึ่งเมื่อก่อนได้มีโปรแกรม run บน dos แต่ยังเล่นยากและพิมพ์ได้ไม่ดี ไม่เหมือนสมัยนี้ที่มี ให้ใช้มากมาย เช่น Stadd pro , Microsoft Project  หรือ Primavera ที่ทำงานได้ดีขึ้นมาก แต่เด็กๆ สมัยนี้ ทั้งที่มีเครื่องมือให้ใช้มากขึ้น แต่ทำงานไม่เป็นเหมือนสมัยเราที่ไม่มีอะไรเลย คงจะจับอะไรไม่จริงๆจังๆ

ตอนจบแล้วได้เคยสมัคร ที่บริษัท ปูนซีเมนท์ไทย ไว้ แต่เพิ่งมาเรียกสัมภาษณ์ ช้าไป ผมเลยตัดสินใจไม่ไปทำที่บริษัทที่มั่นคง และมีการ อบรมพัฒนาบุคคลกร ที่ดีมาก แห่งหนึ่ง น้องผมได้ไปทำงานที่นั่นด้วย เค้าให้เข้าอบรมการพูดในที่ชุมชน จน มันพูดและติดต่อประสานงานได้ดีมาก ส่วนผมก็หาความสำเร็จทางด้านวิชาชีพ วิศวกร ต่อไป ซึ่งย้อนกลับมา ตอนนี้ มาดูแล้วมันก็เหมาะกับเรามากกว่า
ได้เริ่มรับผิดชอบ project ของเรา จริงๆ งานแรก ทำงาน ออกแบบ คฤหาส ของ ลูกค้า เป็นเจ้าของหนังสือพิมพ์ไทยรัฐ โดยได้ร่วมงานกับ สถาปนิก ไรเฟนเบริกแอนฤกษ์ฤทธิ์ ที่มีชื่อเสียงมากสมัยก่อน ทำแบบได้ละเอียดมาก วัดกันเป็น มม. เขายังทำแบบเขียนด้วยมือบนโต๊ะ ดูมีจิตวิญญาณ กว่าแบบสมัยนี้เยอะ แต่รุ่นลูกเขา ก็มาปรับให้มีระบบ CAD ใช้เหมือน บริษัท ฝรั่งทั่วไป


บ้าน ประกอบด้วย สระว่ายน้ำ ห้องใต้ดิน และ ห้องใต้หลังคา ตึกให้คนรับใช้อยู่ และใช้เป็นที่ติดตั้งระบบแอร์แยกต่างหากส่งน้ำเย็นเข้ามาบริการที่ห้องต่างๆ เหมือนระบบที่ใช้ ใน สำนักงานและโรงแรม5ดาว


ตอนแรก ทำแบบเสร็จแล้วยังไม่ค่อยจะมั่นใจเท่าไรเลย
เพราะ ไม่มีประสพการณ์ แต่ก็บ้านที่สร้างมาก็ยังใช้งานได้ดี จนบัดนี้ ยังไม่มีอะไรร้องเรียน จากเจ้าของบ้าน

 งานบ้านที่ได้ออกแบบ ทางเจ้าของบ้านให้ บริษัทวิศวกรที่ปรึกษา ของเราที่ออกแบบ และ ให้เราเป็น วิศวกรควบคุมงานด้วย ผมจึงได้ไปอยุ่ประจำหน่วยงานก่อสร้าง ดูงานตั้งแต่ งาน ถอดแบบ ทำราคากลาง ประมูลหาผู้รับเหมา อำนวยการ ตอกเสาเข็ม ซึ่งใช้เสาเข็มยาวท่อนเดียว 21 ม.ไม่มีการต่อ2ท่อนเหมือนสมัยนี้ สถานที่ก่อสร้างก็อยู่ใจกลางเมือง คือ ถนน สุโขทัย กทม
แต่ก็ใช้รถ เทลเลอร์ยาว ขนส่งเสาเข็มมาตอกได้ ไม่มีปัญหาอะไร บ้านข้างเคียงก็ไม่ได้เสียหายอะไร แต่ผู้รับเหมาก็ว่า เราออกแบบ เวอร์เกินไป
มาคิดดูตอนนี้ ก็ไม่ได้เวอร์ อะไร พวกที่ใช้เสาเข็มต่อต้นเล็กๆ สิ เสี่ยงมากกว่า ควบคุมงานไม่ได้ทุกต้น ก็มีปัญหา ทรุดร้าวกันเต็มไปหมด แล้ว ตามข่าวบ้านจัดสรร ทั้งหลาย ไม่ว่าจะบริษัทใหญ่ขนาดไหน ก็มีข่าว

 
ตอนที่ตอกเสาเข็ม เนื่องจาก ไม่ได้ใช้เสาเข็มใหญ่ และ ออกแบบให้เสาเข็มรับเฉพาะ skin friction จึงไม่ได้ มีปัญหา ตอกเสาเข็มไม่ลง เพราะแค่วางตุ้มเสาเข็มก็จะลงไปเป็น 10 ม.แล้ว
การเคลื่อนย้ายปั่นจั่นขนาดใหญ่ นี่สิ น่าดูมาก คนตอกเสาเข็มเขาใช้แค่ สลิง คล้องกับราง เท่านั้น ก็ย้าย ตัวปั่นจันเอง และ เสาเข็ม มาไว้ที่ ตำแหน่ง ทุกอย่างได้อย่างดี
 

งานขุดดินเพื่อทำห้องใต้ดินและฐานราก ผู้รับเหมาใช้เสาเข็มไม้เพื่อกันดินพัง เพราะขุดดินไม่ลึกมาก และ ไม่ติดกับบ้านข้างเคียง แต่ก็เกือบจะพังเหมือนกัน ตอนตรวจงานปูแผ่นกันซึม เหลือพื้นที่น้อยมาก กว่าจะลงไปตรวจงานดูความเรียบร้อยได้ทั่ว

 

ในช่วงที่ทำงานอยู่มีรุ่นน้อง วิศวะ มาฝึกงานด้วย คุณพ่อเขาเป็น สถาปนิก มัณฆนากร ชื่อดัง แต่ที่สังเกตุดู เขาชอบ เล่นเกมส์คอมพิวเตอร์มากเป็นพิเศษ ช่วงนั้น Note book ก็มีแค่จอ เขียว ๆ เกมส์ เรือดำน้ำ รถแข่ง อะไร ง่ายๆ
เวลาผ่านไป 20 ปี มาเจอเขาอีกที เขาได้มีส่วนทำให้ game online Raknorok ยิ่งใหญ่ในบ้านเรา
เทคโนโลยี่ ทำให้ดังได้มากจริงๆ

 

 

ตั้งแต่นั้นมา ก็ใช้แต่ วิธีใหม่ โดยการวิเคราะห์ก็ใช้โปรแกรม Microfeap แล้วค่อยมาใส่เหล็กเอง แต่ตอนหลังใช้โปรแกรมที่พัฒนาต่อจากของรุ่นพี่และรวม Module เขียนแบบคาน ได้ด้วย   ก็เลยเลิกใช้ Microfeap หันมาใช้โปรแกรมของตัวเองแทนแต่ต่อมามีโปรแกรม ETAB ที่ออกแบบได้ 3 มิติ ก็เริ่มมาใช้ในการรับแรงลมในอาคารสูง

 

ช่วงที่ควบคุมงานก่อสร้างบ้านหลังแรก ก็ได้ประสพการณ์มาก เพราะเป็นบ้านของคนรวยมากๆ สมัยนั้น ค่าก่อสร้าง 30 ล้านบาท มีงานระบบ เหมือนตึกใหญ่ๆ เลย และผู้ออกแบบงานสถาปัตย์ ตกแต่งภายใน และวิศวกรงานระบบ ประกอบอาคาร ที่ร่วมงานด้วยก็มีประสพการณ์สูง จึงได้ทำให้ความเข้าใจในการประสานงานออกแบบเป็นอย่างดี ปัญหาที่กวนใจเรา คือการหยุดรอยต่อของคอนกรีต และ งานโครงสร้างเหล็ก ที่ต้องใช้เวลาในการเห็นของจริง งานก็ไม่สูงมาก ไม่ต้องเสี่ยงมาก เหมือนทำอาคารสูง เนื้องานไม่มาก ระยะเวลาก่อสร้าง 1 ปี กำลังดีได้ฝึกงานตั้งแต่ออกแบบ จนเสร็จงาน

 

พอเสร็จงานบ้านก็ได้ไปเป็น วิศวกรควบคุมงาน เสาเข็มเจาะขนาดใหญ่ ที่อาคารโรงแรม ศูนย์การค้าฟอร์จูน ที่ดินรูป ยาวๆ ที่ ถนนรัชดา ก็ได้ประสพการณ์ใหม่อีก ได้ทำงาน สำรวจด้วยและต้องทำงานคุมตรวจสอบ น้ำยา Bentonite ที่จะใส่ในหลุมเจาะ งานเสาเข็มเจาะตรวจวัดความลึกของหลุมเจาะ  และ % ทรายที่ก้นหลุม

 เพราะไม่เคยทำเสาเข็มระบบเปียกที่ใช้ Bentonite ป้องกันดินในหลุมเจาะพังช่วงที่ไม่มี เหล็ก Casing ป้องกัน 

 

ได้ดูงานทดสอบเสาเข็มขนาดใหญ่ด้วย สมัยนั้น ยังไม่มีระบบ Dynamic Test ต้องใช้คานเหล็กและแม่แรงทำ Static pile load Test อย่างเดียว

 

มีงานเทคอนกรีตแบบเหลวๆ แต่ set ตัวช้ามากกว่า 4 ช.ม.ด้วย

 

มีการต่อท่อ Tremie ลงไปจนถึงก้นหลุมเพื่อเทคอนกรีตจาก ล่างขึ้นมาข้างบน ให้ไล่เศษดินที่ก้นหลุมเจาะ ต้องคำนวณการตัดต่อท่อ ให้ Tremie จมอยู่ในคอนกรีตดีเสมอด้วย

และส่วนใหญ่ก็ต้องเทคอนกรีตไปจนช่วงดึกเพราะงานเร่ง ได้เงินค่า OT เยอะๆ เป็นครั้งแรก
 
 แต่มาคิดดูแล้ว บางทีเราก็ไม่ได้ไปดูงานทดสอบตัวอย่างคอนกรีต ที่ 28 วันบ้างเลย เชื่อแต่รายงานที่เขาส่งมาให้ ซึ่งก็ไม่มีผลทดสอบที่ไม่ผ่านเลย แต่งานเสาเข็ม คุณภาพคอนกรีต มันก็ไม่ซีเรียสมากเท่างานโครงสร้างที่รับแรงอัดจริงๆ
 
 

และมีเวลาได้ดูงานแบบวิศวกรรมของ อาคารขนาดใหญ่ๆ ให้ศึกษาเพื่อเป็นแนวทางในการทำงานต่อไปในอนาคต

 

 
อาคารหลังนี้ ผู้ออกแบบ ใช้ความลึกของเสาเข็มไม่เท่ากัน ตามจำนวนชั้นของอาคารที่แตกต่างกันมาก และ อาคาร ก็ยาวมาก ซึ่งไม่ค่อยมีใครกล้าทำ แต่ก็มีการ ตัด Joint แยกขาดจากกัน จึงไม่มีปัญหามาก อาคารนี้ยังเปิดใช้งานจนถึงขณะนี้ และขายเป็นกองทุนเข้าตลาดหลักทรัพย์ไปแล้ว
 
บริษัทเสาเข็มที่ทำเสาเข็มเจาะ คือ Kin sun ตอนนี้ก็หายไปแล้วไม่เจออีกเลย
 
ช่วงที่ว่างๆ บริษัทฯ ก็มีงานออกแบบ และ ควบคุมงาน Showroom และศูนย์ซ่อมบำรุง รถยนต์ ญี่ปุ่น เข้ามา ก็มีทั้งหลังเล็กๆ  และก็หลังใหญ่ๆ ที่ทำเป็นอาคารสำนักงานให้เช่าด้วย ซึ่งชั้นล่างๆ บางทีก็ทำเป็นศูนย์การค้าด้วย ทำให้ วิศวกร ทำการออกแบบให้มี span กว้างมากๆ 20 กว่าเมตร และ มีพื้นชั้นบนๆ มาวางทับอีกหลายชั้น ทำให้ต้องทำเป็นคานตัวใหญ่ๆ และเสาเองก็ต้องจัดให้ใหญ่ให้พอรับโมเม้นต์ดัดจากคานได้สอดคล้องกันด้วย ได้เห็นการตั้งนั่งร้านสูงๆ ซึ่งต้องใช้การยึดโยงและค้ำยัน ไม่ให้เสาโก่งเดาะขณะรับน้ำหนักมากๆตอนเทคอนกรีตคานตัวใหญ่มากดังกล่าว ทำให้ได้ประสพการณ์จากผู้จัดการ ได้เห็นของจริง ทำให้กล้า ออกแบบ และ ควบคุมงานเองในภายหลังได้
 
พอมีประสพการณ์การทำงานวิศวกรรมได้ 3 ปีผมก็ได้ไปขอเลื่อนขั้นเป็น สามัญวิศวกรโยธา สมัยนั้นยัง สภาวิศวกรยังไม่มี มีแต่หน่วยงานของรัฐ อยู่ข้าง วัดระฆัง อาจเป็นเพราะมีวิศวกรยังไม่มาก และไม่มีบุคคลกรด้วย จึงมีการดูผลงานที่ลงนามรับรองโดย สามัญวิศวกร และสอบสัมภาษณ์กันสดๆเท่านั้น แต่อ.เขาก็จะดูว่าเรารู้เรื่องพฤติกรรมของโครงสร้างละเอียดมากแค่ไหน ในระดับปริญญาตรี อาจจะไม่ได้สอน ต้องอ่านหนังสือเพิ่มเติมเองถึงจะรู้เรื่อง แต่ดีตรงที่ไม่ต้องสอบข้อเขียน ติวข้อสอบกัน เหมือนสมัยนี้
 

หลังจากนั้นก็ได้มา เป็น วิศวกรควบคุมงาน ทำการก่อสร้างห้างสรรพสินค้าขนาดใหญ่ ตั้งแต่งานตอกเสาเข็ม ขุดดินทำชั้นใต้ดิน 1 ชั้น ซึ่งตอนแรกผู้รับเหมาใช้แบบ Free Cantilever Sheet Pile ยังไม่ยอมติดตั้งค้ำยัน รอจนกระทั้งพื้นถนนนอกอาคารเริ่มทรุด จึงจำเป็นต้องติดตั้งค้ำยัน ได้ประสพการณ์ วิศวกรรมกำแพงกันดินที่ดี ไม่ต้องเริ่มที่งานขุดดินลึก ซึ่งอาจจะทำให้ อาคารข้างเคียงพังลงมาได้ ทั้งอาคารจอดรถ และ อาคารห้างสรรพสินค้า โดยรอบ ไม่มี อาคารเลย จึงไม่มีปัญหากับบ้านข้างเคียงด้วยจนงานโครงสร้างแล้วเสร็จ แถมผู้รับเหมา ยังได้เช่าพื้นที่ข้างเคียงที่ยังว่างอยู่

ทำการหล่อผนัง Precast ที่ใช้ติดตั้งรอบอาคารได้ด้วย ทำให้ประหยัดค่าขนส่งไปได้มาก ได้ควบคุมงานก่อสร้างขนาดใหญ่จริงๆ แต่ก็ไม่ยากเพราะมีพื้นฐานทางด้านออกแบบมาแล้ว จึงทำความเข้าใจแบบและตรวจงานได้ง่าย ผู้รับเหมาเป็นบริษัท ญี่ปุน แต่ก็ใช้ผู้รับเหมาช่วงไทย คนคุมงานก็เลยออกมาแบบธรรมดา  ทางด้าน Safety ก็ไม่ดีเลยไม่ได้มาตราฐานตามที่ควรจะเป็น

จบงานนี้ก็ได้ลาออกจากบริษัท คอนซัลท์ เพื่อไปหาประสพการ์ณกับ ผู้รับเหมา บ้าง ได้ทำงานที่ บริษัท คริสเตียนี ซึ่งเป็นบริษัทดั้งเดิมฝรั่งก่อตั้งมานาน ทำงานก่อสร้างขนาดใหญ่ที่เก่าแก่และมีชื่อเสียง ขณะนี้ มีงานที่กำลังสร้างงานก่อสร้างศูนย์การค้า แฟชั่นไอร์แลนด ถนนรามอินทรา รุ่นพี่ วิศวกรโยธา ที่สัมภาษณ์ เขาชอบเราที่ได้ เป็น สามัญ วิศวกร จึงได้ทำงาน เป็น วิศวกรออกแบบ (ฝ่ายผู้รับเหมา) มีรถยนต์ให้ใช้ และเติมน้ำมันให้ฟรีด้วย ได้รับผิดชอบ ช่วย Technical manager ที่เป็นฝรั่ง ทำแบบ Shop drawing , Bar bending schedule และ ประสานงานกับบริษัทออกแบบ พื้น Postension ได้รับทราบความรู้สึกกดดันต่างๆ ของผู้รับเหมาดีขึ้น จากที่เคยเป็นแต่ วิศวกรออกแบบ หรือ วิศวกรควบคุมงาน แบบคอนซัลท์

ที่ไซต์นั่น บริษัท คอนซัลต์ ที่ควบคุมงาน มี Resident engineer คนไทยคุมงานอยู่ 2 คน แยกกันคนละกลุ่มอาคาร คนหนึ่งเป็นรุ่นพี่ วิศวกรโยธา ที่เคยอยู่บริษัทที่เก่าที่เดียวกัน ซึ่งรู้ฝีมือผมดีอยู่แล้วมีอะไรแกก็จะเรียกไปคุย จึงมักอนุมัติอะไรให้ง่ายๆ เพราะงานเอกสาร และงานหน้างาน แกเยอะมาก หน้างานก็กว้างมากๆ

 มี คอนซัลท์ RE อีกคน เป็น วิศวกร หนุ่มที่ ไม่เคยเป็นผู้รับเหมา สั่งแต่แก้ไข อนุมัติยาก เอาแต่ใจตัวเองเหมือนที่เราเคยเป็น ทำให้รู้ว่าในการทำงานต้องเอาใจเขามาใส่ใจเราให้มากขึ้น ต้องปรับปรุงตัวเองขึ้นอีก แต่อยู่ได้ 1 ปีก็หมดงานแบบและไม่ชอบอยู่บริษัท รับเหมา แล้ว เลยขอเจ้านายเก่ากลับไป บริษัท คอนซัลท์ เดิมที่เคยทำงาน

ประสพการณ์ในแง่ผู้รับเหมาจะต้องประสานงานกันเองระหว่าง วิศวกรเพื่อนร่วมงาน สถาปนิกและผู้รับเหมา และ วิศวกรงานระบบ  และ ลูกน้อง ดราฟแมน โฟร์แมน เพื่อให้งานออกมามีปัญหาน้อยที่สุด และทันตามแผนงานด้วย ซึ่งมีเริ่มใช้ Planning engineer ทำแผนงานจากคอมพิวเตอร์ ติดตามผลงาน อย่างจริงจังมากขึ้น

 กลับมาที่บริษัทคอนซัลท์ เดิม ก็ได้รับผิดชอบเป็นหัวหน้าวิศวกรประสานงานออกแบบ และ งานควบคุมงานที่บริษัทฯรับมา และ มีงานออกแบบโครงสร้าง ทำพร้อมๆ กันหลายตึก เพื่อช่วย Project manager แต่ละ ไซต์ ตามแบบจาก วิศวกร หรือ สถาปนิก ผู้ออกแบบอีกบริษัทฯให้ อีกทีหนึ่ง เพื่อความรวดเร็วและลดความผิดพลาดด้านแบบ ด้วย

ช่วงนี้เป็นช่วงที่เศรษฐกิจฟองสบู่กำลังโต ราคาที่ดินก็สูงขึ้นเรื่อยๆ งานก่อสร้างก็มีมากมาย จนอดสงสัยไม่ได้ว่ามีอะไรผิดปกติหรือป่าว แต่ก็คิดว่าเศรษฐกิจมันมีขึ้นดีกว่าลง ได้รับงานพิเศษที่เพื่อนรุ่นพี่ วิศวกรคนแรก แนะนำให้รู้จัก พี่คนนี้เค้าทำงาน เป็น ผู้จัดการส่วนวิศวกรประจำ อยู่ที่ ธนาคาร แห่งหนึ่ง ซึ่งสมัยนั้น ธนาคาร ก็มีนโยบายขยายสาขาจำนวนมาก ก็เลยได้มีโอกาสทำงานออกแบบโครงสร้าง เป็นรายได้พิเศษไปด้วย หลังจากงานประจำ เป็นโอกาสที่ดีที่ได้โอกาส ออกแบบ ฐานราก ที่ต่างจังหวัดทั่วประเทศไทย และรุ่นพี่แกก็แนะนำ ประสพการณ์ งานวิศวกรรม ให้ด้วยเพราะแกมีประสพการณ์สูง และจบด้านกฎหมายด้วย และงานนี้ก็ได้ค่าออกแบบเต็มที่ไม่ผ่านมือสถาปนิก ก็เลยมีโอกาส เก็บเงินได้พอสมควร แต่ก็ต้องหมดไปเพราะไปซื้อที่ดิน หุ้น บ้าน ในราคาที่แพงเกินจริง

ช่วงฟองสบู่นั้น มีแต่คนจะก่อสร้างเต็มไปหมด  ที่ต่างจังหวัด งานเล็กๆ จำนวนมากไม่มีผู้รับเหมาใหญ่รับก่อสร้าง ผมเลย ตั้งบริษัท 4 W ร่วมกับน้องและเพื่อนๆ วิศวกรได้มีโอกาสรับงาน   ก็ได้กำไรดีมากแต่ช่วงหลังโดนโกงบ้าง และงานน้อยลงด้วย ก็เลยรับแต่งานออกแบบ พอดีเศรษฐกิจฟองสบู่แตกพอดี  ก็เลยไม่เจ็งเหมือนผู้รับเหมาอื่นๆ แต่ก็เสียค่าไม้แบบเก่าไปหลายตังอยู่

พอมาทำรับเหมาเองถึงได้รู้สึกของผู้รับเหมา  ที่ต้องพยายามประสานงานกับวิศวกรผู้ควบคุมงานที่จะจ่ายเงินผลงานให้เราหรือไม่ แต่ก็โชคดีที่ได้เจอแต่คนที่ไม่ค่อยมีปัญหา เลยผ่านมาได้

 

ได้ทำงาน วิศวกรควบคุมงาน อาคาร ชินวัตร3 ถนน วิภาวดีรังสิต  ซึ่งมีปัญหาที่เจอคือ เสาที่ออกแบบใช้กำลังอัดคอนกรีตสูง 400 และ 500 ksc แต่ที่เทไปแล้วไม่ได้กำลังอัด ส่วนนี้จำเป็นต้องไปดูตัวอย่างที่กดลูกปูนจริงๆ เลยให้เห็นกับตาจริงๆ และเมื่อไม่ผ่าน ก็ต้องทำการ Corring นำก้อนคอนกรีตเสาไปทดสอบ เมื่อไม่ผ่านอีก ก็ต้องใช้วัดด้วยคลื่น Ultra sonic กับเสาทุกๆ ต้น และดูว่าที่จำเป็นต้องทุบหลายต้นมาก ซึ่งมากๆ เข้าก็ไม่ไหวเพราะงานช้าเกินไป ต้องใช้วิธีพอกเสาแทนเพื่อให้ขึ้นงานชั้นบนๆ อีก 20-30 ชั้น ไปได้ในช่วงที่รอพอกเสา ซึ่งก็มีทั้งพอกด้วยเหล็ก และ คอนกรีต ทำให้ได้ความรู้ในการแก้ไขงานเพิ่มเติม

 

  ส่วนงานที่ทำยากที่สุดคือ พื้นเหนือชั้น Auditorium ซึ่งผู้ออกแบบให้ใช้วิธีทำเป็นคานใหญ่อยู่บนชั้นสูงสุด แล้วห้อยเสาลงมารับพื้นสำนักงานหลายชั้นที่อยู่ เหนือห้องประชุมใหญ่ ซึ่งต้องไม่มีเสากลาง เวลาก่อสร้างจึงจำเป็นต้องทำ Truss ชั่วคราว span 20 กว่า เมตร รับนำหนักพื้นชั้นบนๆ 5 ชั้น และคานใหญ่ชั้นหลังคา เมื่อหล่อคานใหญ่ได้กำลังแล้วจึงรื้อถอน Truss ดังกล่าวออก ช่วงที่เพิ่มน้ำหนักก็ต้องตรวจสอบการแอ่นตัวของ Truss และสภาพรอยเชื่อมที่ไม่ดี ต้องรีบซ่อมทันที ก็ได้ความรู้เรื่องงานเชื่อมโครงเหล็กขนาดใหญ่มาด้วย

บริษัทวิศวกรที่ปรึกษาฯ ก็มีงานออกแบบ และ ควบคุมงาน อาคารสำนักงานใหญ่ วีรสุ ถนนวิทยุ มีข้อจำกัดที่ติดถนน 2 ด้าน ทำให้ต้องออกแบบเป็นอาคารขนาดใหญ่ที่สุดที่จะลงในพื้นที่แถว ถนน วิทยุ ได้ ซึ่งชั้นล่างทำเป็นที่จอดรถลูกค้า

หน้าทางเข้า ทำเป็นศูนย์การค้าสินค้าเครื่องไฟฟ้าด้วย บังคับให้วิศวกรทำการออกแบบให้ span กว้างมากๆ 20 กว่าเมตร และ มีพื้นชั้นบนๆ มาวางทับอีกหลายชั้น ทำให้ต้องทำเป็นคานตัวใหญ่ๆ และเสารูปตัว T ขนาดใหญ่ด้วยเพื่อ ไม่ให้เสาโก่งเดาะขณะเทคอนกรีตคานจนครบทุกชั้น ซึ่งได้ใช้เป็นผลงานยื่นขอเลื่อนขั้น เป็น วุฒิวิศวกรโยธา ในภายหลัง

ช่วงเศรษฐกิจฟองสบู่แตก ผมจบงานโครงสร้างอาคาร ชินวัตร3 ที่ ถนน วิภาวดีรังสิต และงานออกแบบโครงสร้าง อาคาร สำนักงานใหญ่ วีรสุ

บริษัทคอนซัลท์ฯ ที่ทำอยู่ก็เริ่มหมดงาน เพราะฟองสบู่แตกแล้ว

ผมได้ไปเริ่มทำงาน เป็น CM ร่วมกับ กลุ่มของ บริษัท ฝรั่งจากของกลุ่มผู้รับเหมา กิจการร่วมค้าNVPSKG ที่ได้งาน ออกแบบรวมก่อสร้าง ระบบบำบัดน้ำเสีย จังหวัด สมุทรปราการ ซึ่งเป็นงานของกรมควบคุมมลพิษที่ใหญ่มาก ทำไปได้หลายเดือน เค้าเห็นว่า กิจการร่วมค้า น่าจะจ้างพนักงานไทยเองดีกว่า ไม่ต้องมี บริษัท CM ของไทยให้เสียค่า overhead ก็ถูกโอนมาเป็น ลูกจ้างของกิจการร่วมค้า เป็นฝ่ายผู้รับเหมาเต็มตัว แต่ บริษัท ฝรั่งก็ยังคงทำอยู่ เพราะเป็นงาน ใหญ่ ไม่มี ฝรั่งไม่ได้ช่วงแรกผมอยู่ในทีมงาน ออกแบบประสานงาน ก็มีบริษัทผู้ออกแบบไทยร่วมกับบริษัทผู้ออกแบบของอเมริกาอีกบริษัทหนึ่ง งานใหญ่ๆระดับนี้ก็ต้องใช้ วิศวกรออกแบบของต่างประเทศ เข้ามาร่วมกับ บริษัท วิศวกรไทย โชคดีที่บริษัทนั้นมีจรรยาบรรณ ที่ไม่ยอมทำอะไรที่ผิดหลักการ พูดง่ายๆ คือ เซ็นต์ชื่อแทนฝรั่งอย่างเดียว แม้ว่างานนี้จะเป็นงานของหน่วยราชการที่ไม่จำเป็นต้องขออนุญาตก็ตาม ก็ได้ความรู้เรื่องเอกสารงานออกแบบ และ ควบคุมงานแบบอินเตอร์ งานสัญญาย่อย

งานวิศวกรรมโยธา ที่ยากจะเป็นงาน สร้าง บ่อบำบัดน้ำเสีย ที่คลองด่าน เพราะ ดินเดิมเป็นเลนมี Water content มากกว่า 100% มากๆ กว่าจะ ทำ Temporary Berm คันดิน สำหรับ สูบน้ำออกจากพื้นที่เพื่อทะยอยทำเข้าไปให้คนเดินได้ ยังทำงานไม่ได้ก็ใช้เวลาตั้ง 6 เดือนแล้ว ทำแล้วก็พังๆ ซ่อมๆ กันอยู่นาน ต้องแบบพื้นที่ก่อสร้างเป็น 3 ส่วน เพื่อทำงานในส่วนที่แห้งได้ก่อน และ่ส่วนที่แห้งช้ามาก ก็ต้องทำทีหลัง Critical Path จึงมาอยู่ที่งานป้องกันน้ำ และ ทำพื้นที่ให้แห้ง ได้ความรู้เรื่องงานดินมากๆ

พอจะเอาเครื่องจักรหนักเข้าก็ต้องทำถนนซึ่งก็ใช้ทรายเปลืองมากต้องใช้ Geotextile และไม้ไผ่ และซุงเข้ามาช่วยถึงจะพอทำถนนให้เครื่องจักรหนักเข้าได้

และยังมีส่วนที่ต้องสร้างสะพานชั่วคราว ข้ามคลองด้วย ใช้ได้แต่เสาเข็มเหล็กปักลงไป 40 ม. แล้วจึงได้ ขนส่งวัสดุก่อสร้างต่างๆ เข้าไปทำงานในส่วนหลังคลองได้

ส่วนที่จะใช้ปั่นจั่นRig hammer สามารถเดินบนดินเดิมที่แห้งและบดอัด ได้ แต่ Diesel Hammer ที่มีน้ำหนักมาก วิศวกรก็จำเป็นต้องปรับปรุงดินเดิมโดยใช้วิธี Lime stabilize

โดยให้รถ Back hoe ขุดกลบ ปูนขาวเข้าไปผสมกับน้ำในดินและบดอัดลึกสัก 1.5 m. รอสักพัก สามารถใช้รับน้ำหนัก ใช้หลักการให้กระจายพื้นที่รับน้ำหนักร่วมกับแผ่นเหล็ก  เพื่อรองรับงานรถบรรทุกเสาเข็มและรถตอกเสาเข็มซึ่งหนักมากๆได้ดีเป็นอย่างดี ไม่เสียค่าใช้จ่ายแพงจนเกินไป สำหรับงานชั่วคราว

แต่พอจะมีงานเทคอนกรีตฐานราก Mat footing หนาๆ ซึ่งเป็นผู้รับเหมาอีกรายหนึ่ง  ก็ไม่สามารถทำวิธีเดิมได้อีกเพราะกลัวดินใต้ฐานรากจะโดนน้ำหนักคอนกรีตสดดันให้เสาเข็มเคลื่อนตัวตอนคอนกรีตเซ็ตตัว วิศวกรที่ปรึกษาที่เป็นเพื่อน กับผู้รับเหมาแนะนำ ว่าจำเป็นต้องทำเป็นพื้น Flat slab ครอบถ่ายนำ้หนักลงบนหัวเสาเข็มและยึดหัวเสาเข็มไว้ด้วยกันก่อน รอคอนกรีตพื้นแข็งดีแล้วค่อยผูกเหล็กเทฐานราก Mat footing ต่อไป ซึ่งกว่าผู้รับเหมา จะยอมรับก็นานมาก เพราะเสียค่าใช้จ่ายสำหรับงานชั่วคราวแพงมาก แต่นี่ก็คือหลักการ Composite Section ที่ใช้กันทั่วไป ถ้าเป็นผู้รับเหมาอินเตอร์ก็จะยอมรับได้

ช่วงนี้ผู้ผลิตคอนกรีตผลมเสร็จเริ่มนิยม ใช้ Fly ash ขี้เถ้าลอยจากถ่านหิน เข้ามาผสมลดปริมาณปูนซิเมนต์ ซึ่งบางทีใช้ถึง30-40 % ก็สามารถ ลดอุณหภูมิคอนกรีตที่เซ็ตเริ่มต้นได้ดี และยังช่วยป้องกัน Sulphate และ chloride ได้ดีขึ้นด้วย ถังตกตะกอนรัศมี 55 เมตร ใช้คอนกรีตปริมาณมากๆ เลยได้ใช้ในปริมาณ ที่มากพอที่จะเห็นปัญหาต่างๆ ของการเทคอนกรีต ได้เป็นอย่างดี

ส่วนงาน Pumpstation ทางวิศวกรผู้ออกแบบได้ปรึกษากับผู้รับเหมางานเมืองนอก ออกแบบเป็นรูปร่างวงกลมที่ใช้ diaphragm wall เจาะดินแล้วหล่อคอนกรีตออกมาประกอบกันเป็นส่วนๆ ทีละท่อน ต้องใช้ Bentonite เหมือนงานเสาเข็มเจาะขนาดใหญ่ แต่ก็ติดปัญหาวิศวกรรมดินอ่อน เหมือนเดิม คือที่ดินเดิม 2 ที่ บริเวณตำบลคลองด่านของเรา และที่ ตำบลตำหรุ เป็นดินที่อ่อนมากๆ

  และช่วงแรกๆ ผู้รับเหมาช่วง บ ไม่ยอมลงทุนแพงๆ กับงานชั่วคราว โดย

ควรจะทำ Platform เหล็กเพื่อ รองรับน้ำหนักเครื่องจักร เพราะต้องขุดดินลึกมากๆ ไม่ง่ายเหมือนงานก่อนๆ

แต่ผู้รับเหมาเลือกใช้วิธีที่ถูกกว่า โดยใช้วิธีปรับปรุงดินโดยวิธี Soil cement column และ steel Casing ขนาดใหญ่ กระจายตัว ช่วยกระจายน้ำหนัก แต่ก็หล่อผนังคอนกรีต ทีละชิ้นเสร็จ ทำมาเรื่อยๆ มาได้จนเกือบครบรอบ

เหลืองานชิ้นสุดท้าย ขณะลงเหล็ก ลึก 40 เมตร ก่อน เทปูนลงหลุมที่เจาะไว้ เตรียมเทคอนกรีตเกิดหลุมพังในช่วงสุดท้าย ทำให้ท่อนเหล็ก steel Casing ขนาดใหญ่ที่ตอกไว้ก่อนตกเข้าไปในหลุมของ diaphragm wall ทำให้งานหยุดชะงัก ไปหลายเดือน 

เพราะต้องตัดสินใจว่าจะแก้ไข โดยทำบ่อใหม่อีก หรือ  แก้ไขงานเดิมโดยทำบ่อเล็กครอบหลุมที่พัง เพื่อขุดเอา Steel casing ที่ขวางอยู่ออกมาให้ได้  เพื่อเริ่มงานขุดเจาะทำ diaphragm wall ขึ้นมาใหม่ให้ครบ Loop เพื่อให้รับแรงอัดจากดินภายนอกบ่อสถานีสูบน้ำลึก 20 เมตรได้ตามที่ออกแบบไว้

 

ในที่สุด วิศวกรโยธา ผู้รับเหมา ก็ตัดสินใจใช้วิธีแก้ไขหลุมเดิม  ต้องทำ Platform เหล็ก โดยใช้เสาเหล็กปักลงไป 24 ม. แล้วทำคานรับน้ำหนัก รถ Crane ที่ใช้ทำงาน

และให้อาจารย์ที่ปรึกษา ที่ AIT ออกแบบทำ jet grout รอบหลุมที่พัง แล้วจึงให้เครื่องจักรที่ทำ Secant pile wall ทำเป็นเสาเข็มที่เกาะกันได้โดยการกัดคอนกรีตเสาเดิมออกและเทคอนกรีตเสาใหม่ ข้างๆ พร้อมเสริมเหล็กเสาเข็ม จนได้เป็นรูปวงกลมรอบหลุมที่พัง และจึงทำการเชื่อม Steel Bracing เป็นระยะๆ ในช่วงขุดดิน ป้องกันหลุมพังในขณะที่ค่อย ขุดลงไปลึก 10 กว่า เมตร จนเห็นหัวท่อนเหล็ก Steel casing จึงสามารถดึงเอา steel casing ที่ขวางอยู่ออกมาได้

ส่วน Pump station ทรงสี่เหลื่ยม ขนาดใหญ่ วิศวกรผู้รับเหมา ก็มีการใช้ slip form ที่ขนาดใหญ่มากๆ แล้วทำการ sink บ่อให้จมลงไปในดินก็พอทำได้ แต่ก็ยากพอสมควร เพราะดินอ่อนมากๆ

ส่วน Jacking Pit ทรงกระบอก บริษัท ผู้รับเหมาใหญ่ วิศวกรออกแบบ ก็มีการใช้ การหล่อในที่ผสมกับ Precast segment แล้วทำการ sink บ่อให้จมลงไปในดิน

ส่วน Receiving Pit ทรงกระบอก ที่อยู่ห่างไกลไปในทะเล หลาย กิโลเมตร อิตาเลียนไทย ที่เป็นผู้รับเหมาช่วง ก็มีการใช้ Precast segment ขนส่งมาจากโรงงาน Precast ทางเรือ แล้วยกวาง บนแท่น Platform เหล็กกลางทะเลแล้วทำการ sink บ่อให้จมลงไปในดินใต้ทะเลต่อไป

แล้วจึงเริ่มทำอุโมงค์ Precast segment Tunnelling จากบนฝั่งไปที่ดินใต้ทะเล เพื่อใช้ปล่อยน้ำที่บำบัดแล้วลงสู่ทะเลได้อย่างไม่มีผลกระทบกับสิ่งแวด ล้อมมากเกินไป

โครงการนี้ได้รู้จัก อาจารย์ วิศวกรโยธา ที่ ชำนาญทางด้าน ปฐพีวิทยา มากมาย หลายท่าน เพราะมีทั้งฝ่ายออกแบบ ฝ่ายผู้รับเหมา และฝ่ายผู้รับเหมาช่วง  ทำให้ได้ประสพการณ์ในการทำงานดินอ่อนมากขึ้น และได้เริ่มหัดใช้โปรแกรม Stadd pro และ Plaxis ตั้งแต่ยังรันอยู่บน dos

และยังมีงานดันท่อ Pipe Jacking ที่มีเส้นผ่าศูนย์กลางภายในท่อ ขนาดใหญ่มากถึง 3.0 ม เป็นแห่งแรกของ งานวิศวกรรมโยธา เมืองไทยด้วย

งานที่ทำงาน มีระบบคล้ายๆ ราชการ ทำอยู่ 6ปี เต็ม  มีเพื่อนๆ ไปเรียนต่อปริญญาโท กันเยอะ เพราะเป็นช่วงที่ไม่มีงานให้ทำ ควรจะเตรียม ตัวไว้ให้พร้อม แต่ผมก็พลาด ไม่ได้เรียนอะไรเพิ่มเติมที่เป็นชิ้นเป็นอัน คงเพราะช่วงนั้น เซ็งๆ กับสภาพเศรษฐกิจ และไม่รู้ว่ามันจะฟื้นเมื่อไร แต่พอเสร็จงานนี้  6 ปี หุ้นก็เริ่มขึ้นพอดี มีเพื่อนได้ไปดีหลายคน

 

เสร็จงานนี้ ผมก็ได้ไปทำ งาน Pump station และ ท่อรวบรวมน้ำเสีย ระบบเดียวกัน ที่เมือง โฮจิมินต์ ซิติ็ ประเทศ เวียดนาม

พอดีมีงานตึก คอนโด สูง30 ชั้น ที่มีสระว่ายน้ำอยู่ทุก unit แห่งแรกของเมืองไทย จึงได้กลับมาทำ งานเป็น วิศวกรควบคุมงาน กับฝ่ายเจ้าของงาน ผู้พัฒนาโครงการ ซึ่งผู้ออกแบบ โครงสร้าง เป็นอาจารย์ คณะ วิศวกรรมโยธา ที่สอนผมมาเอง จึงได้เห็นรายละเอียด และหลักการที่ท่านใช้ในการออกแบบ ที่แตกต่างจาก ที่อื่น ที่เน้นในส่วนที่สำคัญๆ ที่ทำให้โครงสร้าง มีความปลอดภัยต่อการพังทลายมากขึ้น และประหยัดได้ในส่วนที่ไม่จำเป็น ถึงแม้ทาง สถาปนิก จะทำการเปลี่ยนตำแหน่งเสาชั้นบนที่เป็นบ้านระดับหรูหรา ทำให้ต้องเปลี่ยนตำแหน่งเสาให้ ไม่ตรงกับชั้นล่างๆ เพราะติดที่จอดรถ การทำงานดีกว่า วิศวกรโยธาที่คิดค่าแบบถูกๆ และ เจ้าของโครงการไม่เห็นความสำคัญ ของแบบดีๆ

 จากนั้นก็ทำคอนโดแบบ ใช้ผนังคอนกรีตรับแรง ไม่มีเสาเลย แล้วก็มาทำคอนโดสูง กับบริษัท ฝรั่งเศษ ในซอยสุขุมวิท24 แล้วก็ได้ทำโรงงานถลุงเหล็กที่ชลบุรี เสร็จแล้ว ก็มาทำโรงไไฟฟ้าพลังถ่านหินที่ระยอง จนชักจะอิ่มตัว แต่ก็มีงานหลายๆ อย่างที่ยังไม่ได้ทำ เช่น สะพาน ท่าเรือ เปลี่ยนงานไปเรื่อยๆ ก็ได้รู้จักคนมากพอสมควร ดีกว่าอยู่ที่เดียว

 

หลังจากเรียนจบ เริ่มทำงานเป็น วิศวกรโยธาใหม่ๆ ไม่มีอุปกรณ์ทันสมัยอะไรเลย นอกจาก ลายมือและ เครื่องพิมพ์ดีด ก็ทำงานได้ และได้กำลังกายดีด้วย โดยมีแฟกซ์ใช้ก็มีความสุขมากแล้ว ไม่ต้องสั่งงานบนโต๊ะคอมพวิเตอร์ ผ่านอีเมล์ พอระยะหลังทำงานที่ใช้อินเตอร์เน็ตได้ก็จะ หงุดหงิด ถ้าเน็ตมีปัญหา ทำงานไม่ได้ดังใจ วิศวกรโยธา และ ไม่ค่อยได้ออกกำลังกายไปดู งานก่อร้างจริงๆ คงต้องรู้จักพอเพียง เพราะความสำเร็จที่แท้จริง ไม่ใช่อยู่เรื่องเงิน หรือชื่อเสียง อะไรที่ทำมากๆ ก็เบื่อ อยากจะพักยาวสักพัก อะไรที่เกินพอดี ก็ไม่ดี เมื่อถึงจุดสูงสุด แล้วก็ต้องรู้จักพอ กลับไปใช้อะไรก็ทำให้มีความสุข

การให้ความสำคัญในชีวิต ก็แต่ต่างกัน วิศวกร บางคนก็ให้ความสำคัญกับ ความรัก บางคนก็ให้กับ ศีลธรรม บางคนก็ให้กับ เงิน บางคนก็ให้กับ การมีเพื่อน บางคนก็ให้ความสำคัญกับ เซ๊กส์  แต่ถ้า วิศวกรโยธา เรารู้จักให้อภัยตัวเองได้ ก็จะเป็นทุกข์น้อยลง การให้ความสำคัญ กับสิ่งที่ไม่ใช่ตัวตนอะไร ก็เป็นทุกข์เสมอ แม้แต่ตัวเราเอง

 ในการอยู่กับปัจจุบันให้ได้ น่าจะใช้เครื่องคิดเลขแทน คอมพิวเตอร์ ก็น่าจะดี ความเจริญไม่ได้ทำให้มีอะไรดีเสมอไป บางทีใช้โปรแกรมง่ายๆ แค่ตารางexcel ก็พอแล้วไม่ต้องใช้โปรแกรมวิศวกรรมแพงๆของเมืองนอก ยิ่งถ้าอีกหน่อยมี 3G  แล้วคงจะหงุดหงิดถ้าต้องกลับไปใช้ 2G เพราะฉะนั้น การไม่มีใช้ก็คงไม่เป็นไร มันเป็นธรรมดาของโลก แต่ถ้าใครอยากใช้ 3G ก็ร่วมกันโวตได้ที่นี่

ว่าจะทำหน้าเวบเพิ่มอีกหน้า เพื่อให้มีงานวิจัย ที่แปลจากเมืองนอก ไว้ให้น้องๆ ได้อ่านกันเล่นๆ แต่ไม่มีเวลา เลย ถ้าเพื่อน วิศวกรโยธา ใครมี บทความวิจัย ก็ส่งมาได้นะครับ ส่วนใหญ่มหาวิทยาลัยเค้า ไม่ค่อยจะให้ โดยจะหวงถือว่าเป็นลิขสิทธิ์ของเขา แต่ก็ควรจะเผยแพร่ไปก่อนก็ได้ ประเทศไทยล้าหลังในเรื่องนี้มาก ยังทำอะไรให้ยุ่งยากกันอีก ไม่เข้าใจ ต่างชาติเค้ายังมีให้หากันได้เต็มไปหมดแล้ว แต่มันเป็นภาษาอังกฤษ บางทีเราก็จะเสียเวลาไปอ่านนานเกินไป กว่าจะได้เล่มที่เราต้องการใช้อ้างอิงจริงๆ

ตอนเรียน ฟังอาจารย์พูดว่า ถ้าทำไปเยอะๆ ก็แทบไม่ต้องคำนวณเลย ดูแล้วใส่เหล็กให้เสา คานได้เลย ตอนแรก ก็ไม่เชื่อ พอตอนนี้ก็คิดว่าคงเพราะท่าน ทำมาเยอะมากทั้งในสำนักงาน และ หน้าสนามจริงๆ เห็นว่าอะไร พัง อะไรไม่พัง ก็ใส่ไปตามความรู้สึกได้เลย แต่คิดว่า ความหมายของท่านก็คงให้วิศวกรโยธาจบใหม่ๆ ทำแล้วค่อยมาตรวจทาน ถึงแม้จะแน่แค่ไหน แต่ ก็มีโอกาศพลาดได้เหมือนกัน อาจจะ 1 ใน 1000 แต่เห็นบางคนไม่รู้ว่าใช้วิชาอะไรเซ้นต์อย่างเดียวไม่ไปตรวจอะไรเลย ตอนแรกที่อาจารย์บอกว่า ถ้าได้เป็นวุฒิวิศวกรโยธา แล้วอย่าไปทำแบบนี้ เราก็ไม่เชื่อว่าจะมีคนทำ แต่พอมาใช้ชีวิตจริงๆ นานๆ แล้วก็เห็นว่ามีจริงๆ ราคาไม่รู้ได้เท่าไร เช่นอาคารที่โคราชถล่มลงมาได้

แผนงานก่อสร้างก็แค่ใช้กระดาษกราฟ วาด เส้นนอน มีวันที่กำกับก็ใช้ได้แล้ว สมัยใหม่ต้องใช้โปรแกรมที่พิมพ์ออกมาเป็นขยะซะเยอะ เพราะวิเคราะห์งานจริงๆไม่เป็น โทรศัพท์ธรรมดาก็ยังขอสายยาก บางหน่วยงานก่อสร้างก็ไม่มี ก็ทำงานกันได้ ใช้วิธีนัดหมายโทรมาตอนกี่โมง ก็ได้แล้ว ไม่ต้องคุยมือถือกันเป็นชั่วโมงเหมือนสมัยนี้

 การแก้ปัญหาหน้างาน ระหว่าง วิศวกรผู้ออกแบบ วิศวกรผู้ควบคุมงาน วิศวกรผู้รับเหมา ก็เขียนบนกระดานกันในที่ประชุมสดๆ เลย การมีน้ำใจในการทำงาน ก็สู้สมัยก่อนไม่ได้ สมัยนี้แต่ละฝ่าย ขอกันไม่ได้เลย มีแต่การเคลมกัน ตลอดเวลา การสั่งงานก็ต้องผ่านไปอย่างถูกต้องตามช่องทางการ จึงจะทำ ใช้พูดคุยกันไม่ได้เลย ทุกอย่างต้องมีหลักฐานในการเคลม การรับงาน วิศวกรโยธา ก็มักจะคิดราคากันถูกๆ พอเจ้าของของแก้แบบบ่อยๆ ก็ไม่แก้ให้เขา เพราะเริ่มไม่คุ้ม แต่ตอนรับงานทำไมไม่คิด ขอแค่ให้ได้งานมาก่อน เพราะรับงานปริมาณมาก ใช้ วุฒิวิศวกร เซ้นต์ให้แบบเหมาๆ กัน  หรือไม่ก็จะร่วมกับ วิศวกรผู้รับเหมา เอาส่วนแบ่งค่างานต่อลับหลัง เจ้าของงาน ค่าก่อสร้างก็แพงกว่าความเป็นจริงมากๆ  วิศวกรมืออาชีพ ที่คิดราคาค่าประสานงานแบบ เผื่อไว้ก็ไม่ได้งานออกแบบเลย พอเจ้าของงานทะเลาะกับวิศวกรเจ้าแรก แล้วค่อยมาหา วิศวกรออกแบบ เจ้าอื่นที่ เคยว่าแพง แม้จะเสีย 2ต่อ ก็ยอม กว่าจะรู้ก็เสียเวลาก่อสร้างต่อไป งานระบบทางเจ้าของก็คิดว่า วิศวกรงานระบบ ไม่สำคัญอีก จริงๆ แล้ว ต้องไปขออนุญาต เปิดใช้โรงงาน กับ กรมโรงงานอุตสาหกรรม อีก ถ้าไม่รู้กฎหมาย ว่าโรงงานแบบนี้ ต้องมีระบบความปลอดภัยอะไรบ้างก็จะล่าช้าไปอีก

สมัยก่อน ไม่มี พาวเวอร์พอยท์ อะไรมากมาย ไม่ต้องเสียเวลา ทำงานเอกสารมากๆ เหมือนสมัยนี้ แต่การตรวจงานมีรูปถ่ายดีๆ ก็ดีกว่าสมัยก่อน เพราะรูปถ่าย ดีกว่าการบรรยายเป็นพันคำ และเป็นหลักฐานในการทำอะไร เยอะ ถ้าเป็นการใช้ฟิมล์ เหมือนสมัยก่อนต้องรอให้ครบม้วนก่อน จึ่งค่อยไปล้างและ รอไปอัด กว่าจะได้ ก็เสียเวลาไปหลายวัน แต่การขออนุมัติแบบ หรือ วัสดุจากผู้ออกแบบ ต้องส่งทางพนักงานส่งเอกสาร มีการลงนามรับส่งกัน แล้วเก็บเข้าแฟ้ม ส่วนนี้สู้การใช้อีเมลย์ไม่ได้แน่นอน เพราะประหยัดทั้งเวลา และที่เก็บเอกสาร และ ค่าใช้จ่ายก็ถูกกว่ามาก พวก วิศวกรก็จะเหนื่อยมากเกินไป หากได้ผู้รับเหมาที่ไม่ได้ทำอะไร อะไรก็ส่งแบบใหม่ ตั้ง 8 หรือ 9 ครั้ง ต่อเรื่อง ก็เสียเวลาตอบเมลเหมือนกัน การทำธุรกรรมการเงินสมัยก่อนยังช้า แต่แน่นอน การใช้เครดิต การโอนเงินต่างๆ ก็จะใช้เข็คกันเป็นส่วนใหญ่ ไม่มีการโอนเงินทาง อินเตอร์เน็ต มือถือ หรือ ทางเอทีเอ็ม ที่สะดวก เหมือนสมัยนี้ ไม่ใช่จะมีข้อดี ทั้งหมด คิดว่า งานเยอะ ทำอะไรก็ไม่ได้ดังใจต้องทำใจไม่ใช่ตัวตนอะไร ของเรา ก็จะทำให้เราเป็นสุขได้ 

 

ส่วนการสเก็ตอะไร ถ้ามันซ้ำซาก บางทีบางอย่างก็ใช้คอมพิวเตอร์โปรแกรม ก็จะดีว่า เช่น งานออกแบบ คาน เสา ถ้าวาดโดยใช้มือกัน ก็จะเบื่อมากจนเป็นหน้าสี่เหลี่ยมแล้ว แต่ก็ได้สมาธิดี แต่ถ้ามี วัตถุอะไรที่ต้องวาดเยอะๆ ใช้โปรแกรม ViSio จะดีกว่า หรือถ้าเป็นรูปสเก็ต 3 มิติ ใช้ Sketchup ก็ดี ของฟรีก็มีให้ใช้มากแล้ว ไม่ใช่ ของทันสมัยจะแย่ไปหมดนะ ต้องใช้ปัญญา คิดดู

รถยนต์ก็ยังเป็นของแพงมาก เราก็เลยได้อยู่ไซต์งานเดียว สบายๆ ดูงานได้เต็มที่ สมัยนี้มีรถรุ่นดีๆให้ใช้มีความปลอดภัยมากขึ้น มีการก้าวหน้ามากกว่าเมื่อก่อนมาก ใช้ไฟฟ้าร่วมกับน้ำมันได้ด้วย ถ้าไม่ใช่งานใหญ่จริงๆ วิศวกรโยธาต้องวิ่งรอก ไปดูงานหลายๆ งานในแต่ละสัปดาห์ แทบจะไม่ได้ดูงานเลย ประชุมก็หมดเวลาไปครึ่งวันแล้ว เพราะมัวแต่ตัดราคาค่าคุมงานกัน งานไม่ได้คุณภาพ ขอให้ราคาถูกไว้ก่อน แต่เรื่องรายได้ของพนักงานระดับล่างๆ ส่วนใหญ่ก็จะไม่ค่้อยจะพอใช้กัน ต้องอาศัยทำงานล่วงเวลา เพื่อให้ได้เงินมาเพิ่ม น่าสงสาร พวก วิศวกรใหญ่ ผู้จัดการระดับสูงหน่อย ก็ได้เบี้ยเลี้ยงดี ไปเที่ยวกันดึกๆ แตกต่างกันอย่างสิ้นเชิง แต่ก็ต้องเป็นกรรมของแต่ละคน ส่วนนี้ก็ยังเหมือนเดิมยังไม่เปลี่ยนเพราะ คนเรายังมีความโลภ อยู่มาก แต่จริงๆ แล้วโลกนี้กลมจริงๆ เพื่อนๆ หรือ วิศวกรคนที่เรารู้จัก ก็มักจะรู้จัก วิศวกรโยธา หรือ เจ้าของโครงการ วิศวกรผู้ออกแบบ ผู้รับเหมา คนอื่นที่รู้จักร่วมกันด้วย ก็กลับมาทำงานร่วมกันภายหลังอีกด้วย เพราะกรรมที่ทำมาด้วยกัน ก็เลยต้องมาเจอกันอีก

งานประมาณราคาก็คงเป็นอะไรที่เทคโนโลยี่เข้ามาช่วยไม่ได้ เพราะ วิศวกร ต้องอาศัยประสพการ์ณในการทำงานและข้อมูล รวมทั้งการคาดการ์ณอนาคตรอบด้ายมาก ด้วย ใช้หลักการที่สอนก้นไม่ได้ง่ายๆ รวมทั้งการตลาดและเศรษฐกิจ ทั้งในและต่างประเทศ

 เดี๋ยวนี้ฝรั่งคิดไปไกลถึงการวางแผนให้บริษัทโตไปในทางยั่งยืน ยึดหลักไม่ทำลายสิ่งแวดล้อม กันแล้ว เรายังเพิ่งเริ่มคดีมาบตาพุต กันอยู่เลย แต่กิเลสของมนุษย์มีมากจน พวก วิศวกร ไม่สามารถ ต้านนักลงทุน ที่ไม่อยากที่จะเสียเงิน รักษาธรรมชาติ กันได้หลอก บางทีก็เป็นเพียงการเขียนให้สวยหรู แต่ทำจริงไม่ได้ เพราะงบประมาณไม่พอก็ได้

  • Profitable markets: how our approach to sustainability can generate profitable business growth
  • Healthy communities: our relationships with our people, and those who live or work on or around our infrastructure projects and developments
  • Environmental limits: how we meet our stakeholders needs within acceptable environmental limits.

The report also focuses on managing sustainability, the systems, processes and policies ): has in place to help manage its sustainability performance.                            

พวกฝรั่งที่เค้าไม่รู้จัก ศาสนาพุทธ ก็ทำงานไปเรื่อยๆ แต่ในจิตใจ ไม่สามารถ พัฒนาไปสู่ ความสุขที่แท้จริงได้ วิศวกร ถ้าอายุมากแล้วก็มักจะทำงานไปวันๆ ไม่ได้ทำอะไรมาก แต่ความต้องการ (โลภ) เขามีเยอะ ต้องการห้องทำงานใหญ่ๆ พักร้อน ปีนึงเป็นเดือนๆ ทำงานหยุด เสาร์ อาทิตย์ เพราะเขาก็ทำงานให้กับ บริษัท มหาชน จึงไม่มีการกดดันแบบบริษัทเจ้าของคนเดียว ทำไปทำมาก็จะเบื่ออีกเพราะสุดท้ายก็ต้องทะเลาะกันแรงๆ ขนาด ผู้จัดการโครงการของ วิศวกรผู้รับเหมา ยังถูกเปลี่ยนไปก่อนที่โปรเจค ทดสอบซะอีก ยิ่งแก่ถ้าไม่ได้ทำการขัดเกลากิเลสตามพุทธศาสนา ก็จะมีความโลภ ความโกรธ ความหลง มากขึ้นๆ เห็นไ้ด้ชัดเจนเลย ยิ่งรวยก็ยิ่งมีกิเลสมาก สถาปนิก และ วิศวกร ก็เป็นมาก ยิ่งระดับบริหารก็ยิ่งเป็นมาก พองานจะเสร็จไม่ทันก็มัก จะยอมลดคุณภาพงานลง เพื่อให้ทำงานได้ง่ายขึ้น ไปตายเอาดาบหน้า ดีกว่างานไม่เสร็จ เพราะสร้างเสร็จแล้วก็ทิ้งให้คนอื่นคอยซ่อมต่อไป ชาวบ้านรอบๆ โรงงาน อาจจะต้องรับกรรมจากระบบบำบัดของพิษ ที่ใช้แล้วมีปัญหาต้องซ่อมบ่อยๆ ที่รัฐบาลประกาศ ขนาดของอุตสาหกรรมที่กระทบสิ่งแวดล้อมรุนแรง ปลดล็อค โครงการที่ฟ้องร้องศาลปกครอง ก็ไม่แน่ว่าโปร่งใสจริง แต่กิเลสในตัวเรา ก็ยังทำให้ลดลงไปไม่ได้เลย ความไม่อยากเป็น ความอยากได้ อยากมี มันสวนตีกันในใจตลอด

พอทำงาน วิศวกรโยธา ช่วงใกล้จบงาน ต้องมาเก็บงาน แม้จะพยายามใช้สมองทำงาน แต่ก็ต้องไปติดตามที่หน้างานก่อสร้างจริง อยู่ดี พวก วิศวกรโยธา ที่อยู่สำนักงาน หางานเข้าบริษัทฯ บางทีก็แกล้งโง่ทำเป็นไม่สนที่หน่วยงานก่อสร้าง ส่งคนไปให้น้อยที่สุด เพื่อกำไรมากที่สุด เพราะไม่เคยอยู่หน้างาน  และ จริงๆ ต้องใช้ วิศวกร ปรับปรุงแต่งระบบให้เข้าที่เร็วที่สุดเพื่อให้ใช้งานโรงงานให้ได้ ก็จะเบื่อเหมือนกัน งานที่ว่าเอาแต่แผนงาน และให้ วิศวกรผู้รับเหมา ออกแบบและก่อสร้าง ให้อยู่ในงบประมาณตายตัว คุณภาพไม่ต้องพูดถึง เลิกคิดได้เลย ลองอยู่มาได้จนงาน โครงสร้างเสร็จ คิดว่าพอแล้ว ตึกต่างๆ ก็เยอะมาก จำไม่ไหวเลย ต้องไปถาม วิศวกรเครื่องกล เพราะเขาจะดู ไดอแกรม สกิมเมติก ต่างๆ แล้วจะจำได้แม่นกว่าเรา เหมือนกับเทคนิคการจำแบบ mind map งานบกพร่องที่ต้องแก้ไขก็มากมายมหาศาล ช่องที่จะต้องแก้ไขก็น้อย เพราะต้องไปทำงานตามแผนงานก่อน ถ้าไม่มีอะไรเป็นเรื่องด่วน ก็จะไม่ค่อยทำกัน หรือว่า อาจทำไม่ไหวก็เป็นได้ จนบางงานอาจล่าช้าไปเป็นปีก็มี

การศึกษาผลกระทบสิ่งแวดล้อม ไม่เคยรู้จักเลย ทำงานมาตั้งนาน เพิ่งจะมาเจอตอนหลังๆนี่แร่ะ คิดว่า ทางผู้ลงทุน ก็จ้างคนกลางทำ และผู้ที่อ้างว่าเชี่ยวชาญ ตรวจเป็นพิธี เฉพาะ ค่าของโรงงานนั้นๆที่ปล่อยออกมา เทียบกับ มาตราฐาน เท่านั้น ของจริงๆ วิศวกรต้องก่อสร้างไปก่อนด้วยซ้ำไป ความสามารถของพื้นที่รวมที่จะรับมลพิษ ของทุกๆ โรงงานเดิมที่มีอยู่ ว่าพอเพียง ได้หรือไม่ หน่วยราชการ ที่รับผิดชอบ ก็ไม่ทำกัน ไม่รู้ว่ากฎหมาย และการบังคับใช้กฎหมาย ทำเพื่อใคร

แต่มาคิดดู มีงานทำก็ยังดีกว่า เพื่อนๆ วิศวกรโยธา บางคนก็เริ่มกลัวตกงานบ้าง และ ค่าแรงก็ถูกมากตามสภาพ การขยายตัวของเศรษฐกิจ และภาคก่อสร้าง ที่เชื่องช้า ต้องเปลี่ยนไปจับแนวทางใหม่ๆ อาศัย นวตกรรม เช่น โรงไฟฟ้า พลังชีวภาพ หรือ พลังแสงแดด หรือ ลม หรือ หลอด LED การเปลี่ยนแปลงก็ไม่ใช่ว่าจะทำได้ทุกคน วิศวกร หนึ่งในร้อยก็เก่งแล้วที่สามารถปรับตัวให้อยู่ได้เมื่อเวลาเปลี่ยนแปลงไป น้องๆบางคนคิดว่าจะมีคนแนะแนวอาชีพวิศวกรโยธาได้ดีๆ  แต่ผมว่ามันขึ้นกับดวงก็คือกรรมเก่า  เริ่มต้น ว่าเราจะไปสมัครงานกับใครที่ไหน แล้วจะต่อไปพบใครมีผลอย่างไรกับคนรอบข้างที่เคยทำกรรมกันมาด้วยกันตั้งแต่ชาติก่อนๆ เราพยามยามทำให้ดีที่สุดก็พอ

พอมีเฟสบุ๊ค เพื่อนๆ วิศวกรโยธา ที่เคยเรียนด้วยกัน ก็เริ่มเข้ามารู้จักกันทางอินเตอร์เน็ตอีกครั้ง บางคนไม่ค่อยได้คุยกันหลังเรียนจบไปแล้ว มีทั้งรุ่น ปริญญาตรี และ ปริญญาโท และ เพื่อนของเพื่อน อีก บางคนเราก็ชอบที่เขาเขียน ซึ่งก็เป็นส่วนน้อยมาก ส่วนมากจะติดอยู่ที่ รูป หรือ วิดีโอ เพลง เปลือกนอก ที่กิเลส ของมนุษย์ มีมากมาย มีเพื่อนเท่าไรก็ไม่พอ แต่การส่งไฟล์หากันได้ง่ายๆ ก็เป็นวิธีที่ดี เวบใหม่ในอินเตอร์เน็ตก็เปลี่ยนไปเร็ว พอไม่ได้เรียน ป.โท ก็อยากเรียน เพราะคิดว่าไม่ยาก แต่พอเรียนจริงๆ ก็เบื่อรู้สึกไม่อยากเรียนอีก แต่มันก็เหมือนอีกด่านทดสอบ อีก อย่างหนึ่งที่ต้องผ่านไปให้ได้ โดยเฉพาะการวิจัย ที่เราก็มักจะไม่เข้าใจตรงกัน บางทีวิศวกรต่างสาขา ก็ไม่เข้าใจที่หัวข้อวิจัยที่ วิศวกรโยธา คิด ทั้งที่ วิศวกรนั้น เคยเรียนโยธามาก่อนแต่ลืมไปแล้ว

แต่ก็เสียเวลาไปกับเรื่องของคนอื่นมากเกินไป ต้องเอาเวลาไปศึกษา จิต ของตัวเองจะดีกว่า มันเป็นเหมือน เพชรแท้ ซึ่งเป็นของมีค่ามากกว่า พลอย ที่เราถืออยู่ แต่ก็ยังตัดไม่ได้เต็มที่แต่ที่ไปเจอกิเลสจริงๆ แล้วบางทีก็ตัดใจได้ยากมากๆ เห็นพระที่ปฎิบัติดีแล้วก็เลื่อมใสมากกว่าตอนที่เป็นวัยรุ่น เพราะรู้ว่าการปฎิบัติได้ตามคำสอนของพระศาสดา จริงๆ ยากมากๆ ยิ่งอายุมากขึ้น ที่ว่าพระโพธิสัตว์ ก็เห็นทุกข์มากขึ้นจริงๆ จนไม่อยากกลับมาเป็นทุกข์อีกก็เป็นไปได้จริงๆ แต่เราเป็นมนุษย์ ก็จะโดนกิเลสมันยั่วให้เรากลับไปติดกับดัก มันตลอดเวลา แต่เมื่อผ่านมันมาได้แล้วก็จะทุกข์น้อยลง เพราะเรามีภูมิคุ้มกันมากขึ้น แต่ก็ต่อสู้กันตลอดเวลา การมีสติรับรู้สภาพความเป็นจริงๆ ว่าไม่มีตัวตน แล้วจะทำให้ทุกข์น้อยลงได้

พอวิศวกรโยธา อายุมากขึ้น บางทีเกิดความคิดดีๆ ถ้าไม่จดอะไรไว้ก็ลืมได้ ไม่เหมือนตอนหนุ่มๆ และก็มีไม่สบาย ก็ต้องไปหาหมอบ้างเป็นธรรมดา มีเพื่อนเสียชีวิตไปแล้วหลายคน เพิ่งจะรู้สึกว่าอาชีพ หมอ บางทีก็น่าทำ กว่า วิศวกรโยธา ที่เราอยากเป็นมากกว่าในตอน วัยรุ่น เหมือนกัน จนอยากจะย้อนเวลากลับไป เปลี่ยนอาชีพ บ้าง แต่ถ้าอยู่เป็นหมอ นานๆ ก็ไม่แน่เหมือนกัน อาจจะมีการอยากเปลี่ยนงานก็ได้ เพราะเพื่อนบางคน เป็นหมอดีๆ ก็เปลี่ยนมาเขียนโปรแกรม คอมพิวเตอร์ เฉยเลย

บางที ต้องไปเป็น วุฒิวิศวกรโยธา รับรองอาคารที่สร้างเสร็จแล้ว หรือกำลังปรับปรุง ต่อเติม หรือ ไฟไหม้ แล้ว ก็มีความเสี่ยงระดับหนึ่ง ไม่เข้าใจว่า ทำไมบางคนต้องไปรับงานถูกๆ หรือ เซ็นต์โดยไม่ได้ไปดูจริงๆ ว่าปลอดภัยจริงหรือป่าว เวลามีเรื่องขึ้นมากก็ทำให้เสื่อมเสียไปหมด เพราะ เป็นธรรมดาของนายทุน ลงทุนอะไรก็ต้องให้ได้ผลตอบแทนมากที่สุด คิดว่าต่อเติมอีก ชั้น สอง ชั้น คงไม่เป็นไร แต่บางงานทำไปแล้วก็ยังต้องคิดมากเป็นห่วงอยู่ช่วงหนึ่ง และฝ่ายราชการก็ไม่ยอมเสี่ยงด้วย มีการเปลี่ยนการเปิดใช้งานอาคารไม่พร้อมกัน ก็ไม่ยอมให้ใช้แบบฟอร์ม 39 ทวิ เดิม ขนาดแบบฟอร์ม ไม่ถูก ก็ต้องเปลี่ยนชื่อเซ็นต์ใหม่อีก ทำเป็นขออนุญาต ธรรมดา ทั้งๆที่ตึกก็เสร็จไปตึกหนึ่งแล้ว ทำเอกสารไปหลายรอบกว่าจะเปิดใช้อาคาร บางส่วนได้

 

ของฟรีในโลกอินเตอร์เน็ตก็อันตรายมากๆ เราก็ไม่คิดว่าจะทำกันได้ เข็ด เรื่อง รุ่นพี่วิศวกรโยธา ยืมเงินไปทีนึง แล้ว ไม่คิดว่า ทำงานมาขนาดนี้จะจนตรอก เบี้ยวกันได้ หน้าตาเฉย ชาตินี้ก็คงไม่เจริญ เพราะ วิศวกรทั่วไปที่เจอในรุ่นได้ดีกันทั้งนั้น แต่คิดว่าก็คงหนีไม่พ้น กฎแห่งกรรม ใครทำอะไรไว้ ก็ต้องไปชดใช้กัน อย่างประเทศไทยตอนนี้ก็อาจจะต้องทนกับกรรมเก่าไปก่อนเหมือนกัน ถ้าหุ้นร่วงใหม่รอบนี้คงมีอะไรแย่ๆ ตามมาอีกรอบแน่ๆ 

หลังจากเหตุการณ์ เดือนเมษายนในกรุงเทพฯ รู้สึกว่าที่เป็น วุฒิวิศวกรโยธา งานตรวจสอบความมั่นคงของโรงเรียนเปิดใหม่น้อยลงไป เพิ่งจะมาดีขึ้นในเดือนเก้านี้เอง การที่ภาวะการเงินที่ขาดหายไปอย่างกระทันหันในปัจจุบัน ทำให้คนทุกข์มากๆได้ง่ายมาก ต้องเตรียมตัวให้พร้อมเสมอ แต่พอมีงาน วิศวกรโยธา หลายแบบ เข้ามาก็ทะลักเข้ามาจนไม่รู้จะทำทัน หรือป่าว ช่วงนี้ก็สุขภาพไม่ค่อยดีด้วย มาเจอรถติดในกรุงเทพฯ วันนึง วิ่งดูงาน วุฒิวิศวกรโยธา ตรวจอาคารสถานศึกษาได้แค่งานเดียวก็หมดแรงขับรถแล้ว นี่คือความไม่แน่นอนของชีวิต ที่เปราะบาง แต่จริงๆแล้วทำไงถึงจะเก็บเงินให้เป็นมีความสำคัญมากกว่า เพราะการที่จะมองการไกลให้ได้เหมือนฝรั่งก็เป็นข้อดีของเขาที่เราไม่มี ทำให้เราเสียเปรียบเขา ถ้าไม่มีวินัย ตอนแก่ก็ลำบาก ยิ่งไม่มีความรู้ด้วยแล้วก็ยิ่งลำบากมาก ยังไงก็ต้องออกกำลังกาย ไม่งั้นก็ไม่รอดอีก การใช้ชีวิตไม่ง่าย

 

พออายุมากขึ้น ก็มักจะคิดถึง ความหลัง คือ สัญญา ที่จริงๆ แล้ว ไม่มีอะไรเลย สมัยนี้มีหนังสือ รายการธรรมะ ซีดี เอ็มพีสาม ถ้าพอมีเวลาได้ฟัง ก็จะมีประโยชน์กว่าดูละคร เข้าใจธรรมชาติของชีวิต และอยู่กับมันอย่างไม่มีตัวตน ก็จะไม่ทุกข์ แต่โลกก็คือโลก แม้แต่คนที่ทำงานเดียวกันก็ยังเอาเปรียบกัน ถ้าไม่มีภูมิคุ้มกันจริงๆ ก็มักจะกิน 2 ทาง แล้วก็เหมือนละครน้ำเน่า ที่ใครแสดงได้ดีกว่า ก็เจริญเติบโตไปได้ดี กว่าคนที่ทำแต่งานจริงๆ นี่คือโลกความเป็นจริง แม้เราจะทำตาม จรรยาบรรณ แค่ไหน พวกผู้จัดการลูกจ้างฝรั่งก็ไม่เห็นคุณค่า

เวลาบริษัทฯ เริ่มมีผลงานที่ยากๆ แล้วต่อไปก็จะปลด วิศวกรโยธา อาวุโส ออก รับเด็กๆ เงินเดือนถูกกว่า เข้ามาทำแทน ช่างทำกันได้ แทนที่จะให้ถ่ายทอดงานให้เด็กรุ่นใหม่ ก็ไม่มี ระบบ แบบนี้ ก็มีแต่เสื่อม แล้วประเทศไทย จะพัฒนา ไปตามเมืองนอกได้ไง แค่งานนักวิจัยก็ไม่มีวันสู้อยู่แล้ว การเรียนรู้ในการทำงาน ยังไม่มีการส่งเสริมกันอีก เวลาที่ทำอะไรก็จะต้องใช้สติกำกับให้มาก ต้องพึงตัวเองให้ได้มากๆ เพราะในโลกแห่งความเป็นจริงสมัยนี้ ส่วนใหญ่ไว้ใจคนได้ยาก โดยเฉพาะ พวกฝรั่งต่างชาติ คิดแต่เรื่องผลประโยชน์ และเต็มไปด้วย ความเห็นแก่ตัว ต้องได้สัมผัสกัน สบตา พูดคุยกัน และทำงานร่วมกัน สักครั้ง ถึงจะรู้ได้

บางทีไปทำงาน ตรวจสอบอาคาร และปรับปรุง แล้วก็เหนื่อยมากๆ เพราะมีความเสี่ยง อาจจะดูเหมือนง่าย แต่ถ้าทำติดต่อกันก็จะล้าได้ ต้องเปลี่ยนมาทำงานช่วงเช้ามืดจะดีกว่านอนดึกๆ

ช่วงนี้น้ำท่วมมากก็ต้องช่วย บริจากไป ยังดีกว่า ทำบุญทอดกฐิน ผ้าป่า ที่ทำกันทุกปี ไม่รู้ทำจริงๆ หรือ ทำปลอม เยอะจริงๆ ช่วยคนที่เดือดร้อก็ดี ก็เลยต้องทำมันทั้งสองอย่าง ได้บุญ หนักๆ ไป วิศวกรโยธา ก็คงมีงานซ่อมถนน สะพาน อะไรอีกมากตามมา เป็นไปตามหลัก ความไม่เที่ยง ทนอยู่สภาพเดิมไม่ได้ และ ไม่มีตัวตนให้ยึดถือได้ แต่ในห้าง กลางเมืองใหญ่ ก็ยังกินอยู่อย่างสบายๆ ไม่รู้สึกเดือดร้อนอะไรกันเลย

ส่วนใหญ่ บางงานมาแปลกๆ ให้เซ้นต์รับรองรายการคำนวณ และในแบบฟอร์มเฉยๆ บอกว่า เจ้าหน้าที่บอกว่า ไม่ต้องเซ้นต์ในแบบ ก็ตามใจลูกค้า  บางทีเราช่วยเขาให้ทำงานละเอียดขึ้น ถูกต้องมากขึ้นก็คือตรวจสอบ อีก ครั้งช่วยเขานั่นเอง แต่ส่วนใหญ่ วิศวกรโยธา ก็ไม่ค่อยกล้าตรวจสอบจริงๆ แบบฝรั่งเขาทำกัน เพราะยังติดระบบเกรงใจกันอยู่ แต่ความมั่นคงของโครงสร้างเสี่ยงไม่ได้ และไม่น่าจะทำ จริงๆแล้ว งาน วิศวกร ทำงานให้ได้ตามพระราชดำรัสของที่ในหลวงทรงตรัสไว้นานแล้วก็ดีพอแล้ว

งาน โครงสร้าง ที่มีความเสี่ยงและเป็นแบบ มาตราฐาน ใช้ซ้ำกันมากๆ บางทีก็ วิศวกรออกแบบ ต้องเรียก ค่าออกแบบ สูงกว่าปกติที่ทำกันในตลาด บางคนอาจไม่เข้าใจ เพราะปริมาณยิ่งมาก ก็มีความเสี่ยงมาก พื้นที่ในประเทศไทยรับแรงลม แรงแผ่นดินไหวไม่เท่ากัน บางที่ก็ใกล้ทะเลมีการกัดกร่อนทุกวัน แต่ วิศวกรโยธา ส่วนใหญ่ก็ไม่กล้าเรียกค่าแบบให้คุ้มความเสี่ยง

งาน โครงสร้าง ที่สร้างทิ้งไว้นานแล้วก็มีความเสี่ยงและเราไม่รู้ว่า ใครเขาสร้างไว้อย่างไร วิศวกรออกแบบ ต้องเรียก ค่าออกแบบ สูงกว่าปกติที่ทำกันในตลาด บางคนอาจไม่เข้าใจ เพราะต้องตรวจสอบของเก่าๆ ยิ่งมาก ก็มีความเสี่ยงมาก วิศวกร โยธา ส่วนใหญ่ก็ไม่กล้าเรียกค่าแบบให้คุ้มความเสี่ยง อีกเหมือนกัน บางทีก็ขึ้นกับสภาพ ปัจจุบัน ด้วย เพราะบางคนก็ร้อนเงิน แต่เมื่อเทียบกับรายจ่ายแต่ละเดือนแล้ว เทียบไม่ได้เลย ต้องมีการเปลี่ยนแปลงค่าออกแบบ ไม่งั้นก็อยู่ยาก

ถ้า น้องๆ หรือ เพื่อนๆ วิศวกรโยธา อยากดู เรื่องการทำงานช่วงทำงาน ก่อสร้างแล้ว ขอให้ข้ามไป ดูได้ในส่วนท้ายของเวบเลยครับ

สมัยนี้อะไรก็ ดูรวดเร็ว จนบางคนอยากกลับไปอยู่อย่างเรียบง่ายและสงบ อย่างในประเทศลาว แต่ก็เห็น วัยรุ่นลาว กลับมาทำงานกันในเมืองไทยกันมาก แม้จะลำบากถูกกดค่าแรงต่ำมากๆ

ตอนหนุ่มๆ ชอบอ่านหนังสือ ธรรมะ เรื่อง ดั่งสายน้ำไหล อ่านหลายๆ รอบก็ยังไม่เข้าใจทะลุ ต้องปฎบัติจริงๆ ถึงจะเข้าใจได้ ไม่ง่ายเลยที่จะคงความมีสติ รู้ตัว ได้แต่ก็ยังไม่เค้าใจเรื่องความเสี่ยงอย่างแ้ท้จริง คิดว่าชีวิต แน่นอนใช้ชีวิตแบบประมาทไปเยอะ ก็คงเป็นธรรมดาของมนุษย์ทั่วไป ดีที่ยังไม่ทิ้งเรื่องวิชาการ เพราะไม่ต้องยุ่งกับคนมาก ทำงานวิชาการแล้วไม่เครียด คอยศึกษาเพิ่มเติมก็พอที่จะใช้ช่วยเหลือตัวเอง และ คนอื่นได้ ที่ทำงานก็จะมีคนที่มักจะมองคนอื่น แบบ ยกตนข่มท่าน ซึ่งเราก็ไม่ชอบ แต่บางทีเราก็เป็นเสียเอง ต้องค่อยๆ ปรับลดความเป็นตัวตนลงให้ได้เหมือนรุ่นพี่ วิศวกรโยธา ที่เห็นมายิ่งใหญ่โต ยิ่งนอบน้อมถ่อมตน

 

เดี๋ยวนี้ไม่กล้าไปลอยกระทง กลัวโดนลูกหลง แค่เห็นมอเตอร์ไซด์ โดนชน ก็สยองแล้ว ชีวิต บอบบางมากจริงๆ ยิ่งมาเห็นข่าว งานลอยกระทงที่เขมร แล้วยิ่งเศร้ามาก คนไปเที่ยวกันโดยไม่รู้เลยว่า มีโอกาส ตายได้เป็นหลายร้อยคน ข่าวหุ้นขึ้นแล้วก็ตก เราไม่อยากให้เป็นอย่างนั้น แต่มันก็ต้องเป็น นี่แหละคือความเสี่ยงที่ ถ้าเราเข้าใจก็จะทำอะไรได้ปลอดภัยขึ้น เหมาะสมขึ้น ที่เราคอยระวังมักจะไม่ค่อยเป็นอะไร แต่เผลอทีไร มักจะเกิดเหตุเสมอ เพราะฉะนั้นเรื่องสติจึงสำคัญมากๆ

วันเดียวมีข่าวที่ตึกสูงที่เมืองจีนถูกไฟไหม้ทั้งตึก และ อาคารที่อินเดีย พังถล่มลงมาทั้งตึก คนเสียชีวิตมากถึง ร้อยคน เป็นข่าวดังไปทั่วโลก แต่ผลการสึบสวนหาสาเหตุ โดยวิศวกรตรวจพิสูจน์ และการแนะ นำ เพื่อ มาใช้ป้องกันเหตุการณ์ มักไม่ได้เปิดเผยกัน ขนาด อาคาร ที่ ม.บูรพา ถล่ม ผ่านมา 3 เดือนแล้วก็ยังไม่ได้ผลตรวจพิสูจน์แต่อย่างใด  นี่ก็คือความเสี่ยงอีกอย่างที่ ถ้า วิศวกรโยธา เราเข้าใจก็จะทำอะไรได้ปลอดภัยขึ้น เหมาะสมขึ้น

ช่วงก่อนหน้านี้ต้องเดินทาง ไปดูงาน วิศวกรรมโยธา บ่อย ไปๆ มาๆ หลาย จังหวัด และงานก็โหดด้วย ทั้งต้องดูหน้างานแบบเต็มๆ และก็ออกแบบ แบบเต็มๆ ด้วย หลายหลัง คงเป็นเพราะ ดวง และ บางช่วงก็ว่างลง  ด้วย งานก่อสร้าง วิศวกรรม ส่วนใหญ่ ก็มีปัญหา ให้ต้องแก้ไข กันตลอด ถ้าเราไปลดค่าตัวลง ก็เท่ากับ ตาบอดมองไม่เห็นค่าเงินเฟ้อที่เพิ่มขึ้น เวลาที่มองงานที่สำเร็จ แล้วลูกค้าก็พอใจ ก็มีกำลังใจ ที่ได้เลือกงานที่ดีหน่อย สำเร็จร่วมกัน แต่ถ้าเป็นรายบุคคล ก็โดนต่อค่าออกแบบมาก ก็คงเป็นเพราะ งานหายากในภาวะเศรษฐกิจ ตกต้ำแต่ถ้าเป็น ลูกค้าองค์กร เค้าจะเข้าใจไม่ค่อยต่อราคา

ถ้าเป็นวิศวกรผู้รับเหมา ก็มักจะหาทางปิดงานที่บกพร่อง แบบง่ายๆ ทั้งไม่อยากที่จะซ่อมงานเลย เพราะเป็นงานที่เสียเงิน ไม่ได้เงิน แต่ทาง วิศวกรฝ่ายเจ้าของงานก็มักจะต้องทำเรื่องให้เป็นหลักการ และรอให้แผนงานบังคับ แล้วถ้าไม่ร้ายแรงจริงๆ เป็นเรื่องความสวยงาน ส่วนใหญ่ก็ซ่อมเป็นพิธี

 

ถ้าเราได้รู้จัก ตายก่อนตาย ปล่อยวางไม่มีตัวตนได้ ก็ไม่ต้องอยู่อย่างไม่เข้าใจชีวิต ร้อนรน มีแต่กิเลส ติดอยู่ในกามภพ ท่านพุทธทาสได้พยายามสั่งสอนไว้นานมาแล้ว เราแค่ทำตามได้แม้แต่เพียงนิดเดียวก็ยังรู้สึกว่ามีความทุกข์น้อยลงๆ  แต่พอเผลอนิดเดียวก็มี กิเลส ความอยากได้ อยากมี อยากเป็น ขึ้นมาอีกแล้ว ดูเหมือน ศาสนาพุทธ ยังคงง่ายที่จะเดินทางไปสู่ความเสื่อม แต่ก็ยัง เชื่อว่ามีสายพระอรหันต์ดีๆ ให้สืบต่อ กันมาได้จากอดีต และต่อไปได้อีก สักพัก

ลองเล่นพวก โทรศัพท์ สมาร์ทโฟนรุ่นใหม่ๆ แล้วก็ชอบเหมือนกัน ทำให้น่าใช้ ฉลาดขี้นมากเลย แต่ราคาก็แพงมากเหมือนกัน ใช้ทำงานก็คุ้มค่าดี โปรแกรมต่างๆ ก็มีให้ใช้ไม่น้อยเลย สามารถพิมพ์งานทางเครื่อข่ายไร้สายได้ด้วย อีกหน่อยคงมี พวกคำนวณโครงสร้างด้วยมั้ง การทำเวบไซต์ บางทีก็ต้องนึกถึง พวกรุ่นเล็กๆ ให้ดูเวบเรา ด้วยแล้ว ทำให้ยากขึ้นๆ เรา ก็อยากทำเวบ ให้ดีแต่เวลามีแค่นี้ อาจจะต้องใช้ Facebook ในการแชร์อะไรเพิ่มเติม จากสังคมออนไลน์ แต่ยังคิดไม่ออก แต่ความคิดที่จะส่งข่าวคราวในหมู่บ้านเดียวกันให้รู้เรื่องราวต่างๆ ยังทำไม่ได้เลย ก็ต้องมีคนวิ่งไปติดต่อ รวบรวม อีเมลของแต่ละบ้านโดย ตรงถึงจะทำได้ ถ้าใช้ Facebook ได้ก็คงจะดี

ขนาดรูปก็ถ่ายง่ายขึ้น เอาขึ้นเวบต่างๆ ง่ายขึ้น แต่ก็ยังไม่มีเวลาทำให้ได้ทุกวัน แต่รูปสวยๆก็ไม่ได้ง่ายๆ ต้องขึ้นไปที่สูง แล้วหาที่ถ่าย แต่ติดปัญหาที่เก็บ ออนไลน์  ยังจัดระเบียบไม่ดีพอ เสียเวลา และจำไม่ได้ด้วยว่าเก็บงานไหนไว้ที่ไหน ฝรั่งจึงยอมจ่ายเงินซื้อ ที่เก็บข้อมูลออนไลน์ แต่เทียบกับรายได้เราแล้วราคา ค่าเช่ารายปี ยังแพงอยู่อย่างที่ตั้งใจเลย

 

  สงคราม ระหว่างค่าย สมารทโฟน ได้เริ่มเข้มข้น เมื่อ วินโดว์ และ โนเกีย เข้ามาแข่งอย่างจริงจัง กับ ไอโฟนและ แอนดอยล์ ผลประโยชน์ ของฟรีจึง ยังมีให้ เป็นของผู้ใช้ ได้โหลดมาได้อยู่ แต่มันก็เปลี่ยนระบบปฎิบัติการไปเรื่อยๆ เหมือน วินโดว์ 95 มาจนถึง วินโดว์ 10 ทำให้ต้องเปลี่ยนเครื่อง เปลี่ยนซอฟแวร์อยู่ดี แต่ถ้ารู้จักใช้ก็น่าจะมีประโยชน์อยู่บ้าง ดูอย่าง เจ้าของเฟสบุ๊ค ที่ทำซอฟแวร์ได้ถูกใจคนทั้งโลก อายุไม่ถึง 30 ก็ขึ้นหนังสือปกหนังสือ Time แล้ว

 

การใช้ที่เก็บข้อมูลออนไลน์ เพื่อที่จะสามารถใช้งานได้จาก เครื่องคอมพิวเตอร์หลายๆที่ ไม่ต้องเปลืองพื้นที่ของทุกเครื่อง ใช่ที่เขาเรียกว่า Cloud computing หรือป่าวก็ไม่รู้ กำลังฮิตกันมาก แข่งกันน่าดู อาจจะเสียเงินบ้าง แต่น่าจะสะดวกในการจดจำที่เดียว ทุกเรื่อง และ กำหนดสิทธิ์ แชร์ให้คนอื่นใช้ได้ด้วย เพราะเดี๋ยวนี้มีเครื่อง คอมมี มากจน ไม่รู้เก็บข้อมูลไว้ที่เครื่องไหนกันแน่

หยุดพักร้อนก็ไม่ได้ทำอะไรมาก มีงานคำนวณ ตรวจสอบ จุกจิก เข้ามาทำเดี๋ยวเดียวเสร็จ ก็ดีกว่างานใหญ่ๆ นานๆ กว่าจะเสร็จ ที่เหลือแค่ ปลูกต้นไม้ เล่นกับแมว ดูทีวี ดีวีดี ที่มี ภาคไทย แต่ตัวหนังสือฝรั่ง อยู่ข้างล่าง ฝึกภาษาอักกฤษ ได้ดีมากๆด้วย ก็หมดเวลา ไป เวลาผ่านไปเร็วมาก ปีนี้ไม่ค่อยอยากไปไหนเลย อาจจะเบื่อๆ เรื่องความวุ่นวายในประเทศ

ว่างๆ ได้อ่านหนังสือ โยธาสาร วิศวกรรมสาร งานวิจัยต่างๆ ก็มีเนื่้อหาดี ให้วิศวกร ได้เสริมประสพการ์ณ แต่ที่ผ่านมา ส่วนใหญ่จะไม่ค่อยมีเวลาอ่าน พอ อายุมากขึ้น เพื่อนๆวิศวกรโยธา บางคนที่เป็นลูกจ้างเค้าก็ไม่มั่นคง หมดโครงการก็ต้องหางานใหม่ ขนาดยอมไปเรียนปริญญาโทเพิ่มเติม เพื่อหาสังคม และความรู้รวบตัวเพิ่มก็ไม่ค่อยได้ช่วยได้เท่าไร ส่วนใหญ่ก็อยู่ที่ดวง ติดต่อเพื่อนเก่าๆ เจ้านายเก่าๆ ถ้าไม่ได้ทำโครงการใหญ่ๆ ก็ไม่ค่อยมีทางเลือก เด็กรุ่นใหม่ก็ตามเข้ามาไล่ตำแหน่งไป ความรู้จริงๆในการทำงานจึงจะช่วยให้พออยู่ต่อไปได้ พออยู่กับ บริษัทฝรั่งใหญ่ๆ เค้ามีการประเมิน ประจำปี แล้วก็เห็นว่าบ้านเรา ยังมีการพัฒนาการน้อยมากๆ วิศวกรโยธา แทบจะไม่ได้พัฒนาอะไรเลย ทำแต่งานประจำ

มีคนรู้จักให้รับรองรายการคำนวณ แต่เขาไม่กล้าคุยกับสถาปนิก แต่การวิเคราะห์และรายละเอียดก็ไม่ละเอียดพอ เราก็ต้องขอให้เขาเพิ่มคานในจุดที่อาจเป็นปัญหา ไม่งั้นตัวเราก็อาจจะมีปัญหาเอง และอีกงานก็เป็นงานซ่อมโครงสร้างที่ถูกไฟไหม้ ก็ต้องรอดูแบบ และหน้างานจริงจึงจะแนะนำไปได้ เรื่องนี้คนที่ทำงานมานานมัก จะรู้ดีว่าเป็นจุดที่มีปัญหา ต้องทำให้มั่นใจลดความเสี่ยงให้มากที่สุด เพราะถ้าเสียหาย ขึ้นมา คนที่อยู่ข้างล่าง ก็ไม่รอด

 

กลับมาเริ่มงาน พยามยาม คิดว่า งานประจำเป็นงาน อดิเรก เหมือนปลูกต้นไม้ รู้สึกว่าเวลารดน้ำต้นไม้แล้ว เราก็จะสดชื่นไปด้วย เหมือนกับเราทำความดีให้คนอื่น  เราก็จะรู้สึกดีไปด้วยเช่นกัน และไม่ควรหวังสิ่งตอบแทน เวลาผ่านไปเร็วมากๆ วิศวกรที่ไซต์งาน ก็ลาออกไปเมืองนอก อีกคนแล้ว ไม่ได้เลี้ยงส่งอะไรเลย เพราะเรายุ่งมากเกินไป และก็ไม่ได้อยากมีสังคมกลางคืน อะไรกันต่อ เหมือนช่างทั่วไปด้วย

 

บาง ช่วงก็ทำงานไม่ออก เหมือนมันไม่รู้จะเริ่มอะไรดี ก็ต้องเริ่มจากที่ง่ายๆ ที่สุดก่อน ค่อยไปหายาก แต่ติดขัดที่ต้องดูทั้งหน้างงาน และ ทำงานเอกสารตอบวิศวกรผู้รับเหมาด้วยสิ ทั้งตารางเวลา งานส่วนตัว งานสังคม ไม่เคยเจอพอจะไม่จริงจังกับชีวิต แต่ก็เหมือนเฉื่อยไป

 

บางทีไม่อยากทำงานประจำต่างจังหวัด แต่งานใหม่ที่ประมูลก็อยู่ต่างจังหวัด

 

ชีวิตสมัยใหม่ต้องทำตัวเหมือนกับเป็น หน่วยธุรกิจอิสระ ต้องรับผิดชอบหางานเข้าหน่วยงานตัวเองด้วยอีก ทั้งที่มีงานประจำทำอยู่แล้วแต่กำลังจะหมดลง ก็ต้องวิ่งหางานไว้ ถ้าได้ก็อยู่ต่อไปได้อีก 2-3 ปี แต่ทางสำนักงานใหญ่ก็บวกค่าดำเนินการต่างๆ สูงมาก ต้องบริษัท อินเตอร์ ถึงจะใช้บริการได้ การที่มีลางสังหรณ์ก็เป็นเรื่องแปลก ที่บางครั้งก็มีได้ สงสัยว่าจะต้องเข้าไปดูหน้างานที่จุดนี้ ไม่รู้เพราะอะไร แล้วก็มีเรื่องจริงๆ ไม่ใช่ก็ใกล้เคียง ได้ดูหน้างานก่อสร้างจริงๆ ดีกว่าดูรูปถ่ายเยอะเลยบางอย่าง วิศวกรผู้รับเหมา ก็ไม่ได้แย่อย่างที่คิดไว้ พอยอมรับได้

 

ได้ทำแบบสามมิติ อีกครั้ง คำสั่งที่เราลืมไปแล้วก็ได้กลับมารื้นฟื้นใหม่ เรื่อยๆ บางทีเด็กรุ่นใหม่เขียนแค่แบบ รูปด้าน รูปตัด มา เราก็ต้องมาทำโมเดลใหม่อยู่ดี บางทีผลที่ออกมาก็แปลกๆ ต้องเช็คด้วยมืออีกที และโครงเหล็กที่ อ่อนๆในแกนอื่นๆ ก็ต้องเสริมชิ้นส่วนเพิ่มความแข็งแรงเข้าไป ต้องปรับมีโปรแกรมช่วยได้มาก จริงๆ แล้วเค้าทำเป็นโมเดลสามมิติแล้วให้รายละเอียด เขียนแบบให้ หมดแล้ว แม้แต่แผนที่เค้ายังเป็นสามมิติเลย บ้านเราก็คงตามเขาอีกนานมากๆ แต่ก็ต้องใช้ให้เป็น เดินดูหนังสือใหม่ๆ ในร้าน ก็รู้ว่าอ่านไม่หมด

ความรู้ต่างๆ ไปรวดเร็วมากๆ ดูเท่าที่สนใจใช้งาน และ รู้แค่วิธีดับทุกข์ได้ และทำตามให้ได้มากที่สุด บางทีได้ไปดูงานประมูลที่ต่างจังหวัด แต่จริงๆแล้วก็อยากไปไหว้พระธาตุมากกว่า ก็ยังติดบุญอยู่ดี มองชีวิต จากเด็กจนกลายเป็นชรา เห็นทั้งตัวเอง และ เพื่อน พี่ ก็เริ่มเจ็บป่วย ทุกข์กัน บ้าง หนักบ้าง เบาบ้าง ร่างกายเราก็ไม่แน่นอนจริงๆ ก็อาศัยต้องปล่อยวางลงให้ได้

ปัญหางานที่ต้องทำมากกว่าเวลาที่มี ก็อยู่คู่โลกมาตั้งนานแล้ว และก็จะเป็นต่อไป ยังดีที่ช่วงนี้ไม่มีปัญหาเรื่องเงินเข้ามาเกี่ยวข้อง ไม่งั้นก็คงต้องยุ่งมากกว่านี้ นำไปสู่เรื่องราวต่างๆ มากมายใน การติดต่อพบปะ ผู้คนมากหน้าหลายตา การตัดสินยากขึ้นเมื่อมีเรื่องความจำเป็นเรื่องเศรษฐกิจเข้ามาเกี่ยวข้อง แต่ยังยังก็ต้องเลือกความถูกต้องไว้ก่อน บางงานเจ้าของงานก็ไม่ยอมออกหนังสือสั่งจ้างให้ถูกต้อง แต่เริ่มงานไปแล้ว บางทีก็ต้องเสียเวลาไปดูก่อน 1 ครั้งแต่คง ไม่ไปอีก ถ้ายังทยอย เบิกค่าบริการไม่ได้ คงต้องยกเลิกกันไป 

มีเครื่อง แทบเล็ทจอใหญ่ๆ หน่อยทะยอยออกมาเยอะเลย เข้ามาแทนโน๊ตบุ๊คกัน เพราะรวมทั้ง เป็นมือถือ รับสัญญาณดาวเทียม และ อินเตอร์เน็ต และ กล้อง พ่วงกันไปหมด ต่อไป ถ้าโปรแกรมต่างๆ เช่นใช้โฟร์สแควร์ ก็ลองเพิ่มเพื่อนตามจุดที่เราอยู่ในตำแหน่งเดียวกัน บน GPS แต่ก็ยังไม่เคยเจอคนจริง อย่างจังๆ แค่เล่นแต่บนโปรแกรม ย่อๆ บนมือถือสมาร์ทโฟน รู้สึกแปลกที่มีคนใช้ไม่น้อยในกรุงเทพฯ ลองแอดไปดูก็ได้เพื่อนเพิ่มเติม ก็มีคนตอบมาบ้าง เค้าคงใช้นัดพบกันมากกว่าจะใช้พบปะกันอย่างเฟสบุ๊ค มีงานตรวจสอบความมั่นคงของโรงเรียน มาเรื่อยๆแต่ไม่ได้ตามมาก เพราะเห็นข่าวตึกทรุดทั้งที่อยู่มาเป็นสิบปีแล้วก็มี แต่ก็ต้องดูสภาพรวมทั่ว สถานที่ก่อสร้างจริงๆ ไม่งั้นก็ไม่ต่างจาก วิศวกรจบใหม่

ตรุษจีน  เราได้เห็นแนวโน้มทางเอเชีย มีอิทธิพลต่อโลก มากขึ้น ตลาดใหญ่ในโลกหลายๆ แห่ง เช่น ตลาดทองคำ หยุดกันไป เพราะวันนี้ ห้าง ร้านต่างๆ ก็ขายสินค้ากันได้เพราะ คนได้เงินแต๊ะเอียมา ใช้จ่ายได้ มีส่วนลดให้อีกด้วย ก็เป็นเทศกาลที่มีความสุข ถ้ามีเงินจับจ่าย เขาว่าปีนี้ เป็นปีชง ด้วย รู้สึกว่าจะจริง เพราะ ไม่ค่อยสบาย รถเสีย  แอร์เสีย ต้องไปขึ้นศาล ทวงเงินได้ยาก จบงานเก็บยาก มาหมดเลย แต่ยังไงก็ต้องอยู่ไปให้ได้ ชีวิตก็ต้องมีขึ้นมีลง เป็นธรรมดา การที่จะทำงานให้เหมือนเป็นเจ้าของกิจการเองมีน้ำใจกับลูกค้า หายไปในกิจการที่ใช้แรงงานต่างด้าวราคาถูก ใช้บริการแล้วถึงได้รู้ นำมาใช้ในวิชาชีพเราได้ เค้าก็คงอยากได้บริการที่ดีจากวิศวกร เหมือนกัน

 

แผ่นดินไหวที่ นิวซีแลนด์ ทำให้ได้ข้อคิดว่า มนุษย์ไม่ควรประมาท ที่เมืองไคลท์เชิรท เคยเกิดแผ่นดินไหวมาครั้งนึงเมื่อปีที่แล้ว ไม่มีคนเสียชีวิตเลย ก็เอามาคุยว่าเมืองเขา สร้างอาคารได้ดีทนทานแผ่นดินไหวได้ เราก็ไม่ค่อยอยากเชื่อ แล้ว คราวนี้เป็นไง คนตายเป็นเบือ เลย เพราะความประมาทแท้ๆ เพราะคนคิดว่าไม่น่าจะเกิดแรงแผ่นดินไหวที่มากขึ้น กว่าครั้งก่อนๆได้ แล้วก็ ไม่รู้จะไปอยู่ที่ไหน ยังดันทุรังจะไปบูรณะซ่อมแซม เพื่อที่จะอยู่ในเมืองนั้นต่อไป นี่แร่ะเป็น กรรมของสัตว์โลกจริงๆ เลย แทนที่จะย้ายไปเมืองใหม่ทำเลดีกว่า บ้านเราผู้ลงทุนก็จะให้ ออกแบบธรรมดาเหมือนเดิมไม่ยอมเพิ่มขนาดเสา ประหยัดค่าก่อสร้างไว้ ไม่เชื่อว่าจะเกิดแผ่นดินไหวได้ ยังหลอกตัวเองและ ก็ติดยิดอยู่

 

นานนานทีไป เดินดูงาน สถาปนิก54 แล้วได้ดูสิ่งแปลกๆ ที่สั่งงานได้ด้วยรีโมท หรือ มือถือ ไอแพด แล้ว งาน วิศวกร  ก็เป็นเหมือนงานพื้นๆ ยกเว้นโครงสร้างเหล็ก และ งานสะพาน รถไฟฟ้า ที่มีการโชว์ ได้มากกว่าคอนกรีตธรรมดา มีของตกแต่งอะไรจุกจิก และงานแสดงรูปถ่าย ผลงานที่ได้รางวัลให้ดู ดีกว่า ขายแต่สินค้าอย่างเดียว แต่ความหลากหลาย ยังน้อยลงไปกว่าปีก่อนๆ ที่เคยดู คงเพราะสภาวะเศรษฐกิจ ไม่มีกำลังซื้อให้หรูหรามากเกินไป มีบริษัทรับสร้างบ้านมา โชว์ ราคาค่าก่อสร้างบ้าน ก็แพงขึ้นมาก 

 

จัดการ กับบางคนที่หัวสี่เหลี่ยม ก็ยาก ดูแล้วหากวิศวกร ไม่มีการพลิกแพลงบ้างเล็กน้อย ก็จะมีปัญหาในการทำงาน ร่วมกับผู้รับเหมา แต่หากกลมเป็นลูกฟุตบอลเลยก็ไม่ไหว เพราะ งานทางด้านวิศวกรรม ต้องมีประสพการณ์ เช่นต้อง รอตรวจจบงานต้องรอให้หน้าฝนหนัก ๆ มีอะไรต้องตามแก้ ทีเดียวไม่เสียหายตอนใช้งานจริงๆ เครื่องจักร เฟอร์นิเจอร์ เข้าไปแล้วเจอฝนรั่ว หรือ งานออกแบบที่ วิศวกร ชอบใช้โปรแกรมคอมพิวเตอร์ คำนวณให้หมด ม้วนเดียวจบ ถ้าไม่มี วิศวกรอีกคน มาเช็ครายการคำนวณ บางทีหลุดก็หลุดโลกไปเลยก็มี เจอมาแล้ว ระบบ งานบริษัทใหญ่ เข้าจะต้องมีหลายคน ตรวจสอบใส่ชื่อในแบบเลย

 

วันแรกจากการหยุดสงกรานต์งานเยอะมากๆ แล้วยังต้องทะเลาะกับสำนักงาน เรื่องอบรม อีก บริษัท ไทย ไม่เน้นการพัฒนา วิศวกร กันเลย อบรมที่จำเป็นเสียเงินแพงๆ ไม่ยอม ให้พนักงาน ไปหัดทำกันเอง แต่พอจะประมูลงาน ได้งานมาแล้วต้องใช้ ก็มาให้เราทำ บอกว่า ไม่มีคนทำ

 

ได้ร่วมเป็นประธานทอดผ้าป่า ภาคเหนือไกลมาก นานๆทีต้องไปขอร้องให้ เพื่อน วิศวกร ที่ทำงาน เพื่อนบ้าน ญาติ เขาช่วยทำบุญ แต่ก็คิดว่าเราช่วยให้คนที่เดือดร้อนได้ก็ดีกว่าอยู่เฉยๆ และได้ เพื่อนๆ วิศวกร ได้ร่วมไปแวะวัดร่องขุน อีกที่ที่บ้าน อ.ถวัลย์ ดัชนี ศิลปินดัง สร้างงานปฎิมากรรม ใหญ่มากพอกัน ได้แรงบันบาลใจดีๆ กว่าดูแต่แบบพิมพ์เขียว มีงานภาพวาดแนวพุทธ ดีๆให้ดูฟรีๆมีโอกาส แวะ กว้านพะเยา ร้านอาหารและ ผับขึ้นเต็มไปหมด และได้ไหว้พระธาตุช่อแฮที่แพร่ สงบมากกว่าพระธาตุดอยสุเทพ คงเป็นเพราะมายากกว่า  ได้ไปเที่ยว สวนที่ดอยตุง มีหมอกเยอะเลย เพราะฝนตก ก็ดีอย่างไม่ร้อน แต่ก็อาจจะเป้นหวัดได้เพราะตากฝนตลอด ไปที่รีสอรท์บนภูเขาทำได้สวยเห็นวิวทั้งภูเขาเลย มีถนนตัดใหม่4เลนไปที่ท่าเรื่อที่แม่น้ำโขงตรงสามเหลี่ยมทองคำ ด้านลาวพัฒนาไปมากกว่าด้านของเราอีก มี คาสิโนใหญ่โต กลับเข้าเมือง กินอาหารเหนือขันโตก พร้อมการแสดงแบบไทยเหนือ ก็เพลินๆ แล้วเดินดูตลาดไนต์บาร์ซ่า ขากลับ ก็ดูวีดีโอ หลายเรื่อง กว่าจะถึง กรุงเทพฯ การที่ต้องดูวีดีโอในรถรวม ถ้าเป็นเรื่องที่เราชอบ ก็ดี แต่ถ้าเจอเรื่องที่ไม่ชอบ ก็ทรมานเหมือนกัน แต่ดีที่เป็นตอนกลางวัน มีวิวนอกรถให้ดูได้ แต่ถ้าให้ดีที่สุดน่าจะเป็นการสร้างรถไฟฟ้าความเร็วสูง จะได้ประหยัดน้ำมันได้ดีที่สุด งานก็ดีขึ้น เอาไปทำบุญมากขึ้น เป็นวัฎจักร ที่ศาสนาพุทธ เคยสอนไว้แต่ตอนเด็ก ไม่เข้าใจ

 

การลำเลียงวัสดุก้อนเล็กๆ เช่น ถ่านหิน ก้อนหิน ก้อนแร่ ไม่มีระใดเหมือนระบบสายพานที่ขนถ่ายวัสดุที่มีประสิทธฺิภาพมากที่สุด แต่ก็มีเรื่องการตึงของสายพาน เข้ามาเกี่ยวข้อง รวมทั้งสายพานที่กันไฟ และ ที่เสริมใยเหล็กด้วย เป็นศาสตร์ความรู้ที่ลึกมากอีกแขนงหนึ่งที่เดียว  การป้องกันโดยทำ ฝาครอบ การป้องกันไฟไหม้ ผู้รับเหมา ที่ชำนาญ จึงได้เปรียบกว่า วิศวกร ที่ไม่เคยทำ

ฉลองด้วยการที่ได้มี เพื่อน วิศวกร เข้ามาชม เวบไซต์นี้ 20,000 กว่าคน แล้วด้วยลองเล่น เฟสบุีค ทวิตเตอร์ โฟร์สแคร์ แม้จะเหนื่อยแต่ก็พอทนได้ต้องเตรียมตัวไว้ ก็ติดได้เสียเวลาดูอะไร ไปได้ทุกวัน มากเหมือนกัน ได้ความรู้ไปปรับปรุงเวบไซต์ด้วย รู้จักคนมากขึ้นอีก แต่ก็ ยุ่ง มีอะไรให้ทำดีกว่าดูทีวี แต่ก็ต้องปรับให้พอดี และได้มีส่วนช่วยคนอื่นด้วย มี วิศวกร และ ผู้รับเหมา ผู้ขายของ ที่ฝากชื่อ ติดต่อได้ ไว้ในเวบบอร์ด ก็ได้งานทำกันไปเยอะ เหมือนกัน

เห็นอียิป ลิเบีย และ อีกหลายประเทศ ตะวันออก กลาง ทำสงครามกันแล้วก็กลัวว่าจะเป็นจุดเริ่มของอะไร กรีซที่ไม่มีเงินใช้กำลังล้มละลาย บางอย่างที่ยังคิดไม่ออก รู้สึกเหมือน เศรษฐกิจช่วงก่อนที่ฟองสบู่ปี40 จะแตก เลย ไม่อยากให้เกิด แต่อะไรจะเกิดก็ต้องเกิดทำไม น้ำมัน อาหาร ข้าวของมันแพงขึ้นๆ เร็วมากๆ ทุกอย่างเลย แต่เงินเดือนไม่ขึ้นเท่าไรเลย รวมทั้ง วิศวกร ด้วย ทุกคนที่ไม่ปรับตัว ก็อาจจะลำบากอีกเพื่อน วิศวกรที่เคยร่วมงานบางคนที่ต้องไปทำงานต่างประเทศ ที่นั่นก็ลำบากมากๆ โลกเรามีผลกระทบกับทุกคนได้เร็วมากขึ้นๆ และไม่มีใครช่วยเราได้นอก จากตัวเราเอง น้ำมันแพงมากๆ ก็ใช้ไม่ได้ ต้องไปเปลี่ยน เครื่องยนต์ เป็นใช้แก๊ส แทนอีก

ลักษณะ ความไม่เที่ยง แต่ช่าวแผ่นดินไหว และคลื่นสึนามิ รุนแรงที่ ญี่ปุ่น ก็อาจจะทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลง โลกเองก็ไม่แน่ เหตุการณ์ต่างๆ เกิดขึ้นมากมาย ทุกวัน  เช่นกัน กับตัวเรา วิศวกร ต้องเตรียมตัวไว้ เพราะถ้าเกิดเหตุแผ่นดินไหวใกล้ๆ กรุงเทพฯ ความเสียหาย จะมากกว่าที่ญี่ปุ่นมาก เพราะ เราไม่ได้เตรียมตัวอะไรไว้เลย แต่พวก วิศวกรโยธา ก็เริ่มมีการกระตุ้น ให้ทุกฝ่าย  ตระหนักถึงความสำคัญ ของการเตรียม โครงสร้าง สาธารณะ ไม่ให้เสียหายมากจากแรงแผ่นดินไหว หรือ มีมาตราการซ่อมแซมกลับให้มาใช้งานได้เร็วทันเวลา เพราะ หลังจากแผ่นดินไหวแล้ว ไม่มีไฟฟ้า น้ำประปา ใช้ ก็อยู่กันไม่ได้ ขนาดญี่ปุ่นยังไม่ได้ดีอย่างที่คิดเลย

ความไม่เที่ยงเข้ามาอย่างไม่คาดคิดเลย ดูรูปถ่ายเก่าๆ สมัยพ่อแม่ เรา ยังเป็นรูปขาวดำ ขนาดเล็กๆ แต่เรากลับรักมัน ชอบมันคิดที่จะรักษา มากกว่าภาพสีใหญ่ๆ จากกล้องดีๆ สมัยนี้

ได้ไปเที่ยวประเทศที่มีอากาศหนาว แต่ประเทศเค้าพัฒนาได้รวดเร็วมาก งานโครงสร้างเหล็ก สำหรับสะพาน อาคารสูง และ อุโมงค์ เยอะมากเพราะมีแต่ภูเขา สร้างแรงบันดาลใจใหม่ๆ ได้ดีจริงๆ ต้องพักผ่อนบ้างจึงจะทำงานได้ดีขึ้น แค่พอใจอยู่อาจจะทำให้ลืมมองไปข้างหน้า โลกกว้างใหญ่มาก จะเมษา ก็เลยมีความคิดที่จะไป ดูงาน วิศวกรรม อีกหลายๆ ประเทศ ถ้ามีโอกาส

งานสัปดาห์ วิศวกรรมแห่งชาติ ปี 54 มีอะไรให้ศึกษา เฉพาะเรื่องการคำนวณ ออกแบบรับแผ่นดินไหว ก็พัฒนาไปอีกขั้นหนึ่งแล้ว กลับมามีแผ่นดินไหวที่ทางใต้พม่ากระเทือนมาถึงภาคเหนือ ไม่ใช่เรื่องไกลตัวกันอีกแล้ว และเรื่องอนุรักษ์พลังงาน และพลังงานทดแทนก็มีให้ทำอีกมาก จริงๆ ต้องมีเรื่อง พลังงานนิวเคลียร์ด้วย แต่พอมีเหตุการณ์ก็เลยไม่มีใครกล้าจัด  ทั้งที่ความเป็นจริง อีกหน่อย ก็หนีไม่พ้น พลังงานฟอสซิล ก็ฆ่าเราผ่อนส่ง โลกร้อน เช่นกัน ควรที่จะไปดู ทางเลือกใหม่ โซล่าเซล และแรงลม กัน งานเรื่อง รถไฟความเร็วสูงที่จะผ่านประเทศไทย ก็น่าดู เส้นทางที่ผ่านไป ทวาย ของพม่า กำลังจะเป้นจุด เริ่มให้เกิดการเปลี่ยนแปลงเส้นทางใหม่ๆ ในแถว อินโดจีน จริงๆ สร้างงาน วิศวกรรม และ เศรษฐกิจที่จะตามมาได้มหาศาลเลย ระบบสัมปทาน หรือ PPP มีแต่ต่างชาติ ก็จะแย่งมาทำการลงทุนทำแล้วก็ ผสานกับนักการเมืองให้ ได้กำไรกลับไปมหาศาล

เมื่อวานดูทีวี สารคดี เรื่อง ยีน งานวิศวกรรมด้าน สิ่งที่ประกอบเป็นเซลต่างๆ นี้พัฒนาไปไกลมาก และ พลังงาน ชีวมวล ก็น่าทำมากสำหรับประเทศเมืองร้อนอย่างเรา ต้นไม้ขึ้นดีมากๆ

กำลังศึกษาเรื่อง Wireless lan ไม่รู้ว่าจะทำได้เองเมื่อไร แต่ไม่รู้ไม่ได้แล้ว 3G กำลังจะมา แค่ตั้งเครื่อง router ก็ยังยากแล้ว เรื่องความปลอดภัยยิ่งยากกว่าอีก ลองใช้แล้ว ได้แค่ในพื้นที่ กรุงเทพเอง นอกเมืองก็ยังเป็นแบบเดิมอยู่ ไม่รู้จะโทษใครดี ในเมื่อประเทศเราเป็นอย่างนี้ ดู จีน เกาหลี เค้าไปถึงไหนกันแล้ว บ้านเราในบริษัทใหญ่ๆ ยังมีคนคอยดูว่า พนักงานคนไหนเ่ล่นเน็ตมากเกินไป ทั้งที่ก็มีการ บล็อคไปชั้นหนึ่งแล้ว ความคิดไม่เข้าท่า ความรับผิดชอบที่ทำ ก็จะบอกเอง พวก วิศวกรไอที จบปริญญาแล้วไม่มีงานทำ ก็มาทำอะไรไร้สาระ ได้เงินเดือนไปวันๆ

 

 ปัญหาท่อที่ฝังดินไว้ ใต้พื้นในโรงไฟฟ้า แม้จะ เป็น วิศวกร ตรวจแบบ และ ดูงาน เอง ก็ยังลืมได้ ต้องมีระบบจัด รูปเก็บไว้ดีๆ ไม่งั้นมีปัญหา งงมากๆ ต้องสกัดพื้นออก ทั้งผืนเลย น่าจะมีการสอนหลักสูตรนี้ขึ้นมาให้ มีคนรับผิดชอบประจำตึกไว้ดูแล หลังตึกเสร็จแล้ว ด้วยก็จะดีมากๆ แต่ทุกอย่างก็มีกำหนดเวลา  หน้างานเห็นเขาทดสอบเตาเผาน้ำมันและ ถ่านหินแล้วเห็น ควันสีดำ ลอยออกจากปล่องควันสูง เป็นครั้งแรกเพราะ ระบบบำบัดต่างๆ ยังไม่เสร็จ เต็มที่ ทดสอบ งานก่อสร้าง เป็นส่วนๆ ส่งงานให้ฝ่าย Commissioning ไปเรื่อยๆ 

 

ช่วง 3 ปีที่ผ่านมา ฟังธรรมะ บ่อยมากๆ แล้วรู้สึกว่า อะไรๆ ก็ดีขึ้นโดยไม่รู้ตัว ไม่รู้ว่าแค่ฟัง และ พยายามมีสติ ก็ได้ผลมากในทางโลก แล้ว ไม่เชื่อก็อย่าลบหลู่ ดีขึ้นในทุกๆเรื่องจริงๆ ถ้าตั้งใจปฎิบัติจริงๆ ก็คงได้ผลดีมากกว่านี้อีกมากมาย มหาศาล คงต้องหาเวลา สัก 1 อาทิตย์ไปทำจริงๆกับคนที่รู้จริง ได้เรียนรู้กฎหมาย วิศวกรรมด้วย กฎหมาย ประกันสังคม

 

ด้วย อะไรๆ ที่เข้ามารู้สึกว่า ก็ดีขึ้น แม้ว่าวิศวกรอื่นจะมีความเห็นจะไม่ตรงกัน แต่ก็พอที่จะยอมลงให้ได้บ้าง ได้มาช่วยหาเงินทอดผ้าป่าก็รู้สึกมีคนมาช่วยเราเป็นกำลังใจให้เราทำได้ สำเร็จ บางคนแค่เจอกันทางเฟสบุ๊ค ก็ช่วยทำบุญมาตั้ง 2000 บาท คนพวกนี้ยิ่งทำบุญก็ยิ่งรวย พอไม่ได้ฟังธรรมะทุกวันแล้วรู้สึกว่าขาดความสุขอะไรบางอย่างไป

 

 

 

แต่เรื่องที่โกรธมากๆ ก็ยังมีอยู่แม้จะไม่แสดงออกเต็มที่ เรื่องใจร้อนก็ยังแก้ไขได้ ไม่ดีพอ ยังขับรถเร็ว จนไปชนเสาไฟฟ้ามาเต็มๆ หน้าพังยับ แต่ตัวเราไม่เป็นอะไรเลย นับว่าโชคดีมาก ที่พอจะมีสติยอมเสียเวลา ใส่เข็มขัดนิรภัยไว้ และยังมีเรื่องที่งานวิศวกร ฐานราก เสาอากาศ ที่เป็น ปริมาณมากๆ คล้ายๆกัน ทางเจ้าของงานก็ต่อรองราคาค่าออกแบบ เป็นธรรมดา ถ้าไม่ยอมลดก็มี วิศวกร คนอื่นทำอยู่ดี คิดว่าช่วยทำให้ดีกว่า ปล่อยให้ไม่มีคนดูแล

 

หลังจากวิ่งทำงานมามาก มาต้องมารักษาตัวเองด้วยการนวดแผนไทย คลายเส้น เพราะงานที่นั่งทำบนโต๊ะ ไม่ถูกท่าทาง ธรรมชาติของมนุษย์ยัง ไงก็ต้องมี การบริหารร่างกาย และเช่นเดียวกับ ฮาร์ดดิสด้วย ต้องสำรองไว้เยอะๆ สรุปแล้ว ก็ต้องมีทั้งสองอย่าง เพราะ ฮาร์ดดิส ก็เสีย หรือหายได้ง่ายๆ  หรือ อาจติดไวรัส ทั้งไตร์เลย จำเป็นต้องมีเก็บไว้ในที่เก็บใน เน็ตด้วยนะคับแต่พอไป X-Ray มาก็มีกระดูกคอ บางข้อที่หมอนรองเริ่มเสื่อม ต้องทำบริหารคอเพิ่มอีกแล้ว เอ็นนิ้วบางส่วนก็ฉีก ต้องเข้าเฝือก อีก มีทั้งที่ต้องนิ่ง และ ที่ต้องเคลื่อนไหว ในการรักษา

หยุดยาววันวิสาขะบูชา ก็ไม่ได้ไปไหน ว่างๆ ดี มีเวลาเอาบัวชัวร์ ที่ได้รับแจกในงานสถาปนิก  มาดู พบว่าเดี๋ยวนี้ บริษัทรับสร้างสระว่ายน้ำ แบบที่เครื่องกรองน้ำติดอยู่ที่ขอบสระเลย ชื่อดัง ไม่ต้องเดินท่อให้ยุ่งยาก ยอมให้ สถาปนิกและ วิศวกร มีอิสระมากขึ้น เราสร้างตัวโครงสร้าง สระว่ายน้ำ เองได้แล้ว เลยคิดว่าจะตั้งใจทำบ้านตัวเองให้มีสระว่ายน้ำอยู่ระเบียงที่ชั้น 2 ให้ได้  (กลไกการตลาดบีบให้ต้องยอมรับ ตอนแรกบริษัทนี้ จะสร้างสระว่ายน้ำและติดตั้งอุปกรณ์กรองน้ำทั้งหมด) การได้ว่ายน้ำเป็นการผ่อนคลายที่ดีมาก สำหรับประเทศร้อนๆ อย่างเรา สลับกับการนวดแผนโบราณผสมกับนวดน้ำมัน ก็ผ่อนคลายดีเช่นเดียวกัน

บาง ทีงานโครงการใหญ่ๆ แบบต่างๆ ที่วางแผนว่าจะทำแบบเสร็จ กว่าจะได้ก่อสร้าง ต้องรอนานมากๆ ต้องรอธนาคารอนุมัติเงินกู้ รออนุมัติศึกษาผลกระทบสิ่งแวดล้อม หรือ เปลี่ยน วิธีการขออนุญาติ งานที่เตรียมการไว้แล้วก็เลยไม่ได้เบิกเงินเลย ทั้งที่เสียเวลาทำแบบ กับ สถาปนิก และ วิศวกรทุกฝ่าย

ไปพอสมควร มีงานควบคุมงาน บางทีก็ต้องเซ้นต์แบบแล้วสแกนส่งไฟล์ใหญ่ๆ ไปทาง link ที่เก็บไว้ อินเตอร์เน็ต

 

 

งาน ที่ทำตึกเสร็จแล้ว หลายๆตึก แต่เมื่อจะมีการขายกิจการ ก็ต้องการ ทีมวิศวกรโยธา ไปตรวจสอบความมั่นคงแข็งแรงของอาคาร อีกครั้ง ถึงแม้จะจะผ่านการตรวจสอบ ตามกฎหมายตรวจสอบอาคาร ประจำปีมาแล้ว เพราะคงต้องการ วิศวกรอิสระ ที่ชำนาญจริงๆ เฉพาะสาขามาตรวจอาคาร เพื่อความมั่นใจอีกระดับหนึ่ง 

 

 

บาง ทีการทดลองไม่ใช้เสาเข็ม หรือแม้แต่ใช้แต่ ตอกไม่ลง ความยาวเหล็ก Dowel ยึดฐานราก รับแรงลม ไม่พอ พอพลาด ก็ทำการซ่อมแซม แล้วยืนยันด้วยการทดสอบกำลังรับน้ำหนักของดินที่ปรับปรุงด้วยซีเมนต์ใต้ฐาน รากแผ่ เป็นงานที่สำคัญจะใช้ คนทดสอบ ของคนขายของเองก็ไม่เหมาะ เพราะทำเอง ก็มีแนวโน้มให้งานผ่านได้ง่าย ถ้าจ้าง บุคคลที่สาม ก็จะน่าเชื่อถือได้มากกว่า ก็มีเรื่องค่าใช้จ่ายที่สูงอีก กว่าจะเคลียร์งานเสร็จ ก็ คงทดสอบกันเสร็จ แล้วค่อยมาทดสอบใหม่ถ้าจำเป็น งานใต้ดิน มีเทตนิคเยอะ ยากที่จะติดตาม ต้องลงไปเฝ้าเองจริงๆ ทำการติดตามการเคลื่อนตัวของฐานราก ทั้งวันในช่วงที่เขาทำกัน แต่ถ้ามี วิศวกร บุคคลที่สาม แล้ว เรารู้สึกว่า ยังไงต้อง ให้เกียรติ เชื่อใจเขา

 

ได้ไปดูงาน คันดิน รอบนิคมฯ ที่ อยุธยา อากาศหนาว ลมแรงมาก ดูสภาพน้ำได้แห้งหมดแล้ว ไปดูคราบ รอยน้ำที่ติดอยู่ ตามอาคาร เสาไฟฟ้า แล้วก็เห็นว่ามันท่วมสูงกว่าหัวคนมาก แม้วันนี้ทำความสะอาดไปแล้วก็ยังไม่สามารถเปิดโรงงานได้อีกเยอะเลย คนตกงานมากจริงๆ ความเดือดร้อนมากว่า ปี 40 อีกเพราะนี่โดนกวาดหมดทุกระดับเลย กว่าวิศวกรจะออกแบบจะทำ Detail ของรูปตัดคันดินที่จะปรับปรุงใหม่ ทับกับรูปเก่าที่ต้องปรับพื้นที่ให้ปั่นจั่นยืนตอกเสาเข็มได้ และยังต้องเจาะสำรวจดิน อีก แต่ก็คงจะต้องรีบทำให้ทันปีหน้า ไม่ง่ายเลย สำหรับ หลายๆ นิคม ที่ใหญ่ๆมากๆ

ได้ไป เสริมพลังคิดบวก กับคนที่ทำเพื่อสังคม งานลอยคอที่ไทยพีบีเอสจัด แล้ว ก็ช่วยเหลือไปบ้างนิดหน่อยให้เค้ามีกำลังใจ ดูหนังสั้น ที่เค้าทำถ่ายทอด เรื่องน้ำท่วม เห็นภาพ ทุกแง่มุมสะท้อนออกมา แบบด่านิสัยความเห็นแก่ตัวของคนกทม.ด้วยก็มี แต่มันเป็นความจริง พอผ่าน สยาม ความเจิรญของวัตถุ ก็มีให้เห็นผ่านค่าใช้จ่ายในอาหารและข้าวของแถวนั้น แต่เป็น วันฉลอง คริสมาสต์ ถือว่าแก้เครียดเรื่องน้ำท่วม บ้างก็ดี นั่งรถไฟฟ้าซะ 2 เที่ยว ไปกลับบ้าน ก็พอได้ ราคาถูกกว่า นั่งรถ Taxi เยอะ

ได้ไปฟังบรรยายเรื่อง มาตราฐานงานเขียนแบบวิศวกรรม แบบใหม่ BIM ที่ขยายความสามารถการทำงานจากแบบแปลน 2 มิติที่เคยใช้กันให้เป็น 3 มิติ ไปเพิ่มเติมมิติอื่นๆ เช่น แผนงานก่อสร้าง ประมาณวัสดุที่ใช้ในการก่อสร้าง บริหารงานภายในอาคารในการใช้สอยอาคารต่อไปได้ด้วย มีมุมมองจากรุ่นพี่วิศวกร หลายๆ คน ก็ดีกว่า เราไปฟังคน เดียว เพราะต่างคนต่างชอบงานแต่ละแบบ ไม่เหมือนกัน โปรแกรมที่ทำมาตอบสนองก็มีมาก และ เดี่ยวนี้เล่นขายแบบ ยกเซ็ตให้เลยถูกกว่าซื้อเดี่ยวมากๆ แม้แต่โปรแกรมตรวจสอบการเปลี่ยนแปลงการแก้ไขไฟล์แบบก่อสร้าง แต่ละชุดก็ยังทำออกมาช่วยคนที่ต้องตรวจแบบจำนวนมากๆ ได้สะดวกขึ้น แต่ราคาที่ขาย ตัวเดียวกัน แต่ขายในแต่ละประเทศไม่เท่ากัน และไปใช้ข้ามประเทศก็ไม่ได้ด้วยนะ เพราะค่าเงินที่ต่างกัน

ฟัง รายงานสรุป ความคืบหน้า ฝ่ายวิศวกรรม ประจำเดือน ของทั้งบริษัท เป็นเรื่องแปลกใหม่ สำหรับคนที่ไม่ได้อยู่ในวงการ รถไฟฟ้า คิดไม่ถึงว่ามีงานพอสมควร เป็นงานอีกประเภทที่ บริษัทที่ปรึกษาทั่วไปไม่ค่อยได้มีโอกาสทำ ทางด้านวิชาการจริงๆ เพราะต้องใช้ประสพการณ์จริงๆ จากการทำงาน ปฎิบัติงานของระบบรถไฟฟ้าที่หลายหลาย จนเกือบเกษียร แล้วจึงจะพอทำได้ ก็เสียเวลาก่อสร้างไป โครงการนึง 5 ปี กว่าจะส่งถ่ายให้ วิศวกรรุ่นใหม่ก็ต้องใช้เวลานานมาก 

บางทีเราก็มีลางสังหรณ์ที่ถูกต้องว่า บางอย่างเราก็ไม่สามารถ ถ่วงรอได้อีกต่อไปแล้ว แต่เราก็ไม่ชอบที่ต้องไปง้อใคร ก็ได้ทำอะไรพอสมควร  มีงานที่ต้องย้ายระบบการทำงาน วิศวกรรมแบบ ไปอยู่บนระบบคอมพิวเตอร์ เพื่อรองรับระบบ การค้าเสรีให้มากขึ้นและเร็วขึ้น คงต้องยอมเหนื่อยมากอีก 1 รอบ เพื่อที่จะได้อยู่ได้ต่อใปในโลกสมัยใหม่ได้แม้ราคาค่าซอฟแวร์ก็ไม่ถูกเลย เมื่อเทียบกับค่าแบบ และ ค่าแรงการเรียนรู้ฝึกฝนนานกว่าจะใช้ได้เป็นและชำนาญพออีกพักใหญ่ๆ

 

 

น้ำท่วมภาคกลางใหญ่แล้ว ปีนี้ กทม.ก็คงไม่เหลือ กรุงเทพฯ ก็เหมือนนิคมฯ ใหญ่มากๆแห่งหนึ่งที่ถูกน้ำเหนือไล่ ถล่ม แต่เนื่องจากพื้นที่ใหญ่มากกว่าเยอะ พื้นที่ที่ถูกท่วมก็มากขึ้นเรื่อยๆ จากฝั่งธน และ วิภาวดี ที่เสียหายมาก ไล่ลงมาทางใต้ ด้านทิศตะวันออกก็ไล่ทำลายคลองสามวา ลาดกระบัง ลงมา สมุทรปราการ ซึ่งหวังว่าจะ ไม่ท่วมเป็นบางส่วน แต่ก็คงจะรอดยาก เพราะขนาดปิดล้อมหมด ไม่มีระบบท่อระบายน้ำใต้ดิน ยังสู้ไม่ได้ แต่ ทั้งกรุงเทพฯ มีจุดที่คันแหว่งแต็มไปหมด พอน้ำเข้ามาได้แล้วก็ควบคุมไม่ได้แล้ว เพราะระบบท่อน้ำ ที่เชื่อมกัน เพียงแต่รอให้น้ำเต็มท่อใช้เวลามากกว่าต่างจังหวังมาก เท่านั้น วิศวกร ภัยพิบัติ ไม่ได้ถูกใช้งานเลยเป็นแบบนี้ เหมือนจะเห็นแล้วแต่ประมาทไป ระบบราชการก็แบบนี้ ชักช้าไม่ทันใจ แม้จะใช้พรรคไหนก็ตาม งานป้องกัน้นำท่วมที่ทำแล้วไม่มีผลประโยชน์ก็ไม่ค่อยมีคนอยากทำ อยากแต่ทำ ถนน ง่ายที่สุด และก็ รถไฟฟ้า เพราะแพงดี เซ้นต์สัญญาทีนึงก็คุ้มแล้ว  เห็น เขตต่างๆ เริ่มแจกทรายให้คนไปขนใส่กระสอบกันเองแล้ว แต่คงจะไม่พอกับปริมาณ คนในเขตที่คาดดว่า จะเดือดร้อนจากน้ำท่วม กทม. เราก็จะทำรั้วคอนกรีตบล็อค เขาก็ขึ้นราคา จาก ก้อนละ 6 บาท เป็น 18 บาท ประเทศไทยเราเมืองพุทธก็เป็นไปได้ถึงเพียงนี้ ความโลภ ไม่เคย หมดไปจากโลกนี้อาหารน้ำก็ขาดแคลนได้ มีงานป้องกันน้ำท่วมพื้นที่เล็กๆ บางที ถ้าไม่ใช้การคำนวณโดย วิศวกร ก็ทำแบบไม่มีเสาเข็ม เช่น เขื่อนที่พังลง ถ้าช่วงสูงมากเกินไป ดินโดนน้ำก็จะรับน้ำหนักไม่ได้จึงพังลง คนก็ไม่ค่อยจะกล้าไปเปลี่ยนแปลงอะไรเขา ปล่อยมัีนทำไป เรื่อยๆ คิดว่ายิ่งสูงยิ่งใหญ่ยิ่งดี เพราะการที่จะทำอะไรให้สมบูรณ์ดีในเวลาเร่งรีบต้องใช้คนที่มีประสพการณ์สูง และบารมีมาก และทุ่มเทมากด้วย เหนื่อยมากเกินไป ในที่สุดก็ล่มแล้ว นิคมอุตสาหกรรม หลายที่ก็เสียหาย แล้วก็ ต้องไป จ้างเขามากู้สูบน้ำออกอีก  ความเสียหายที่เกิดจาก การพังทลายของงานวิศวกรรมโยธา มันใหญ่จริงๆ ถ้าเป็นอาคารก็มีคนใช้เป็นร้อย เป็นพัน ถ้าเป็นโรงงาน ก็เกี่ยวกับการจ้างงาน และ การส่งออก ทำเอาเศรษฐกิจเสียหายเป็นแสนล้าน จากการถูกน้ำท่วม ความรับผิดชอบที่ได้รับ เที่ยบกับค่าจ้าง วิศวกรโยธา แล้วก็น้อยมาก พวกนักลงทุนเค้ามักไม่เห็นคุณค่า ของ วิศวกร เร่ิมมีคันกั้นน้ำที่นิคมอุตสาหกรรมลาดกระบังที่จะใช้ วิศวกร จาก สภาวิศวกร ออกแบบ ควบคุม วางแผน จัดการสู้กับน้ำบ่านี้ให้ ก็ดูว่าจะเอาอยู่หรือไม่ เราก็ทำได้แค่ประเมิน ดูน้ำท่วม ถนน คลอง แถวบริเวณรอบบ้าน น้ำขึ้นมาเยอะมากกว่า อาทิตย์ที่แล้วมากเลย แต่คิดว่าคงไม่เป็นไรมาก จากการประเมินที่ดูรอบกทม ฝั่งเหนือ เมื่อวาน แต่เมื่อเวลาผ่านมาอีก 1อาทิตย์น้ำในคลองสูงขึ้นกว่าเดิมอีกเยอะอีก ชักจะกังวลนิดๆ แต่ก็ยังหวังว่าน่าจะสูงสุดแล้วนะ 

นั่งรถตะเวนดู น้ำท่วม ถนน คลอง แถวบริเวณกรุงเทพ ฝั่งตะวันออก ไปทางเหนือ ที่เห็นว่า น้ำขึ้นมาเยอะมากกว่า แต่ด้านบนน้ำเริ่มลงมาเป็นอาทิตย์แล้ว เป็นช่วงๆ ตั้งแต่วังน้อย สระบุรี รังสิต เป็นเวลา 2 วัน 11/5/2554 แล้วคิดว่าฝั่งตะวันออกคงไม่เป็นไรมาก จากการประเมินที่ดูรอบสมุทรปราการ ฉะเชิงเทรา ปทุมธานี นครนายก สระบุรี เมื่อวาน น่าจะผ่านจุดวิกฤติไปแล้ว 16/11/11  กรุงเทพฯ แม้รถจะวิ่งได้บ้างแต่ก็รถติดมากๆ ทางที่ไปได้ยังมีไม่มากในพื้นที่น้ำท่วมอยู่บ้างกลายเป็นปัญหามวลชนเริ่มที่ จะหนักกว่ามวลน้ำ เพราะนี่ไม่ใช่เป็นการปล่อยให้ไหลตามธรรมชาติ มีการทำคันกั้นน้ำแบ่งแยก ส่วนนอกพื้นที่ ชั้นในไว้ไม่ให้น้ำท่วม จึงเกิดความไม่เท่าเทียมกันในสังคม ทางแก้ไขระยะยาวก็ทำได้ยากขึ้นไปทุกทีเพราะ ระบบผังเมืองไม่มีการบังคับใช้จริงๆ ปล่อยชนชนหนาแน่น โรงงานสร้างตามสะดวกไปหมดทุกที่ 

ได้ไปดูโครงการที่อยู่แถวบางปะอินเป็น โรงไฟฟ้า อุปกรณ์ต่างๆ เสียหายจากน้ำท่วมใหญ่ครั้งนี้หมดเลย เพราะระดับดินต่ำกว่า แม้จะออกแบบทำคันดินไว้สูงแล้วก็ตามแต่บางจุดยังทำไม่เสร็จพอรีบทำแล้วก็พัง ก็รั่วเข้าเหมือนนิคมอื่นๆ เวลาท่วม ผ่านไป 1 เดือนกว่า รถยนต์นั่งเพิ่งจะเข้าถนนได้เริ่มซื้อและติดตั้งเครื่องสูบน้ำออกในโคลงการ และ เคลมประกันสำหรับงานที่เสียหายทั้งหมด ก็ไม่รู้ว่าจะได้เงินหรือป่าว แต่ยังไงโครงการก็ต้องเดินหน้าต่อและ คงต้องออกแบบคันดินใหม่ให้กันน้ำได้และแข็งแรงกว่าเดิม

ไม่น่าเชื่อว่าน้ำท่วม ผนวกกับ การปล้นเงินสดปลัดกระทรวงคมนาคมนี่จะทำให้ บริษัทวิศวกรที่ปรึกษา ขนาดใหญ่ได้รับผลกระทบไปด้วย เพราะ งานรถไฟฟ้าสายใหม่ๆที่รอเซ็นต์สัญญาก่อสร้าง ต้องเลื่อนออกไปนานอีกหลายเดือนเลย เพราะปลัดคนนี้เป็นประธานบอร์ดของหลายองค์กรทางการขนส่งงานโครงสร้างพื้นฐาน จำนวนมาก

อยู่ในสังคมรวมแม้เราคิดว่าหมู่บ้านเรา ต้องโดนน้ำท่วมแน่ แต่ส่วนใหญ่กลับไม่คิดเช่นนั้น กว่าคนในหมู่บ้านจะร่วมมือกันป้องกันน้ำท่วม ก็ต้องเห็นน้ำออกจากท่อระบายน้ำมามากแล้ว จึงเริ่มอุดกระสอบทราย และติดตั้งเครื่องสูบน้ำใหญ่เพื่อสูบน้ำที่เข้ามาให้ออกจากหมู่บ้าน แต่คิดว่าคงจะเอาไม่อยู่ ต้องเตรียมหนีออกจากเขตที่น้ำท่วมได้แล้ว ลองเครื่องสูบน้ำ ปล่อยสายยาง จัดระบบไฟฟ้า ก็เหนื่อยเหมือนกัน ดูที่ได้ดูทางเข้าออกบ่อยๆ จึงพอหาทางรอดออกมาได้นานที่สุด แค้กว่า จะออกจากเขตที่น้ำท่วมมาได้ รถติดเป็น ชั่่วโมง เหลือทางเข้าออกได้ทางเดียว รถก็จอดเต็ม2ข้าง ต้องมาอยู่ต่างจังหวัด ดีกว่าเยอะเลย รถก็ไม่ติด ก็ว่าจะได้พักผ่อนสบายๆ สักหน่อย

 

การไปตรวจสอบโครงสร้างอาคาร บางทีก็กลัวเหมือนกัน บางทีมันก็รีบๆ ไปหน่อย ดูไม่ทั่วถึง ถึงแม้จะมี บริษัท ที่ตรวจสอบอาคารประจำปี แล้ว ทั้งตรวจใหญ่ ตรวจย่อย ผ่านมาแล้ว แต่ดูแล้ว เหมือนเศษกระดาษ ทำแบบให้ผ่านๆ ไปที ตัดราคากันแล้วก็ทำไม่ได้มาตราฐานที่ควรจะเป็น ล่าสุดที่คอนโดสุดหรู สุขุมวิท24 ก็ยังไฟไหม้ได้ และ มีคนบาดเจ็บด้วย เฉยเลย  ขนาดอาคาร ของคนมีตังอยู่ยังไม่มีระบบดับเพลิง และ การอพยพ ที่ใช้การได้ แล้วคอนโด ราคาถูกที่สร้างกันมากมาย ขณะนี้จะไปเหลืออะไร ไม่อยากคิดเลย

 

ทำงานในนิคมอุตสาหกรรม 3 ปี ก็เห็นโครงการต่างๆ ข้างๆทางไป หน่วยงานก่อสร้างของเรา ด้วย มันเปลี่ยนแปลงไปเยอะมาก ตั้งแต่งานท่อต่างๆ สายไฟฟ้าแรงสูง ท่อลอดใต้ถนนก็มี พอดีในนี้มีงานเยอะมั้งก็เลยได้เห็นอะไรก่อสร้างตลอดเวลา และยังมีงานโรงงาน บางโรงที่สร้างพร้อมๆกัน ได้ประสพการณ์เพิ่มมากขึ้นกว่าแต่ก่อนอีก แต่ก็มีข้อเสียที่พบคือ งาน ก่อสร้างในแถว ภาคตะวันออกและ พวกโรงงานใหญ่ๆ ทำให้ระบบเสียไปหมด บางทีทำด้วยกันกับ วิศวกร ฝ่ายควบคุมงาน มาจนจะจบงานอยู่แล้ว การส่งเอกสารขอนัดตรวจสอบงาน ของผู้รับเหมา ก็ยังมั่วๆ กันอยู่ ผู้รับเหมาหลัก ได้คนอย่างไร งานก็เป็นอย่างนั้น อยู่ไปวันๆ ให้ครบตามสัญญา งานถนนที่มีรถหนักวิ่งก็ต้องทดสอบวิ่งผ่านฝาปิดต่างๆ วงเลี้ยวต่างๆ ให้ได้จริงๆ เพราะมีหลุดรับน้ำหนักไม่ได้ วิศวกรต่างๆ แล้วก็แยกย้ายกันไป ไม่มีระบบ เลี้ยงคนให้รักบริษัทฯ และเติบโตไปกับบริษัท คิดแต่จะหาผลประโยชน์ได้จากเงินปลดกันเป็น งานๆ ไป กลายเป็น วงจรอุบาท สำหรับ วิศวกร เมืองไทย อีกที่หนึ่ง

 

เวลาเริ่มว่างช่วงท้ายโครงการ ต้องอ่าน สัญญาและรายการประกอบแบบ โรงงาน เพราะช่วงที่เข้ามาเป็นวิศวกร งานก่อสร้างกำลังทำอยู่ไม่มีเวลาดูละเอียดๆเลย แต่เอาตัวรอดไปก่อน และก็ยังไม่เห็นภาพโรงงานทั้งระบบ ตอนนี้เสร็จหมดเห็นภาพรวมหมดแล้วทุกระบบ สามารถเข้าใจ งาน ระบบประกอบโรงงาน ได้ดีขึ้น เผื่อไปทำที่โรงงานใหม่ด้วย จะได้มีความรู้มากขึ้นด้วย เพราะโรงงานใหญ่ๆ ระบบต่างๆ และ ความปลอดภัย แม้แต่ระบบป้องกันเพลิงไหม้ก็ต้องใช้มาตราฐาน NFPA การควบคุมโดยไม่ใช้คน มันเยอะกว่า งานอาคารมาก เฉพาะเรื่องไอน้ำ ก็ต้องอ่านหนังสือเป็นเล่ม เพราะมีตั้งแต่การ ใช้เชื้อเพลิง น้ำที่ใช้ก็ต้องบำบัดให้ ใช้งานหม้อน้ำได้นานๆ จนถึงขี้เถ้าหรือฝุ่น ก๊าซเสียที่ต้องบำบัด ไม่ง่ายจริงๆ การทดสอบระบบดับเพลิงทุกอาทิตย์ และการซ้อมอพยพคนทำงานต่างๆ ตลอดจน สารเคมีที่อาจรั่วไหลมาแล้ว จะรับมือยังไง ต้องคิดไว้หมด 

งานก่อสร้างส่วนใหญ่แล้วมักจะมีปัญหา ได้ตลอด ตั้งแต่เรื่องการเงินที่ต้องกู้จากธนาคาร ผังเมือง กฎหมายที่ประกาศใช้บังคับแต่ละปี การออกแบบ การขออนุญาตก่อสร้าง การประมูล คัดเลือกผู้รับเหมา การควบคุมงาน ความขัดแย้งระหว่างคน และ ผลประโยชน์ อุบัติเหตุ ปัญหาเสาเข็ม ปัญหาความไม่สอดคล้องกันของแบบสถาปัตย์ แบบโครงสร้าง หรือ แบบงานระบบ การรวมแบบแนวท่อระดับ แบบชุดก่อสร้างที่เก็บไว้ใช้ เพื่อใช้งานอาคารได้ดีและปรับปรุง ซ่อมบำรุง ขยายต่อเติม จนถึงปัญหา ผลกระทบสิ่งแวดล้อม และ ผลกระทบด้านสุขภาพ สัญญาก่อสร้าง ประกันภัยก่อสร้าง ความปลอดภัยจากไฟ และสารแคมีต่างๆ จึงมีงานให้ทำมากมาย ถ้าเศรษฐกิจประเทศดี ก็จำเป็นต้องใช้ วิศวกร เยอะมาก หลายระดับความสามารถ ตามความซับซ้อนของงาน

และสร้างแล้วผู้รับเหมาทิ้งงานไป ก็ยังมีปัญหาเช่น ต้องมี วิศวกรทั้งฝ่ายเจ้าของงาน วิศวกรผู้ออกแบบ วิศวกรผู้รับเหมา ต่างคนต่างต้อง ทำ จดหมายตอบและรายงานแนบงานตรวจสอบโครงสร้างเก่าที่ผู้รับเหมาทิ้งงานไป แล้วเจ้าของจะสร้างต่อ มีส่วนที่อาจต้องเข้าไปเกี่ยวข้องกับการฟ้องร้อง เพราะมีปัญหา หลายเรื่อง ตั้งแต่แบบไม่ละเอียด และ สัญญาก่อสร้าง เลยต้องใช้เวลาและทำตรงไปตรงมา เพื่อผลประโยชน์เรื่องความปลอดภัยของ ผู้ใช้สอยอาคาร และ ก่อสร้างต่อเป็นไปได้ โดยรื้อถอนน้อยที่สุด สำหรับงบประมาณของเจ้าของไม่บานปลาย เสียเวลา ประชุม และตรวจงานหน้างานโครงสร้างเก่า บางทีงานราชการ ก็ไม่ได้ประหยัดอะไรมาก ยอมเสียเงินรื้อของเก่าทิ้งทั้งหมด แต่บางทีก็ละเลยไม่ตรวจสอบเสาเข็มให้ดีเพียงพอ เพราะอ้างว่าไม่สะดวก ทำจุดที่ง่ายกว่าเป็นพิธี แต่จริงๆแล้วเราจะประมาทไม่ได้เลย เพราะคนที่มาใช้อาคารสาธารณะเค้าไม่รู้เรื่องที่เราทำไว้ชุ่ยๆ

 

บางอย่าง งานบางอย่างก็ต้องใช้วิศวกรเครื่องกล และ วิศวกรอุตสาหการ หรือ ลองทำโรงงาน หรือ สระว่ายน้ำ อื่นแบบเดียวกันที่มีใช้งานอยู่แล้ว ก็ต้องทำ เพราะสุดท้าย ความสำเร็จอยู่ที เรา เพื่อนวิศวกร และ เขา ก็คือ ลูกค้าซึ่งกันและกัน ทำเวบ ทำไปทำมา ก็ชอบมากกว่าทำงาน วิศวกรรรม บางอย่าง แต่ในที่สุดแล้วก็( ต้องเลือก ที่จะไม่ทำอะไร) ดีกว่า เพราะเราทำ ทุกอย่าง ให้ดีเป็นไปไม่ได้ เลือกเฉพาะงานดีกว่า บางอย่างไม่ทำได้ก็ดีเพราะแค่ตัวเราเองยังไม่พอใจการทำงานของเราในบางครั้งที่สุดท้ายแล้วก็แค่ทำอะไรให้พอเพียงก็พอแล้ว ดูเหมือนงานเริ่มเข้ารูปเข้ารอย พอเรามุ่งทำเฉพาะที่ถนัด ก็เลยไม่เครียดเกินไป ลดโอกาสผิดพลาดของ วิศวกร ลงไปได้เยอะ งานโรงงานก็ดีเหมาะกับ วิศวกร มาก แต่จะต้องรู้จริง สัก 3 แบบ ของ โรงงานที่มีเยอะ ก็พอแล้ว แต่สุดท้ายถ้าจำเป็นจริงๆ ก็ต้องไป เป็น วิศวกรควบคุมงาน หรือไล่เก็บงานเอกสาร และ commissioning เพื่อปิดงานให้ได้ เองเลย และสุดท้ายก็อยู่ประจำที่โรงงาน เป็น ฝ่ายซ่อมบำรุง ที่ไม่มี วิศวกร จบใหม่ๆชอบทำ เพราะไม่ตื่นเต้น ยกเว้นนานๆ จะเปลี่ยนอุปกรณ์ เครื่องจักร สักทีนึง

แต่เมื่อได้ลองศึกษาทำไปเรื่อยๆ ก็เริ่มรู้สึกชอบ และเข้าใจที่ว่า เวบที่สมบูรณ์แบบยังไม่มีขณะนี้ ตราบใดที่โลกยังหมุนก็ยังมีการเปลี่ยนแปลง ความสำเร็จก็ดีขึ้นตามเวลาที่เราทุ่มเทไป เวบไซต์ก็เช่นกัน เดี๋ยวนี้ไปอยู่ใน เฟสบุ๊คซะเยอะแล้ว ว่าจะลองทำเอกสารทางวิชาการ วิศวกรรม ทีละ 2 หน้าก็ยังดีกว่าไม่ได้ทำอะไรเลย แต่พอทำจริงๆ แล้วก็เหนื่อยมาก มิน่าเพื่อนๆ ที่เป็นอาจารย์ที่มหาวิทยาลัย ที่ทุ่มเท งานสอนและ ทำงานวิจัย จริงๆ ไม่ค่อยมีเวลาทำอะไรเลย คนที่ทำแล้วไม่สำเร็จไวๆ ก็มักจะท้อ ต้องใช้ทักษะด้านคอมพิวเตอร์ทำรูปเล่มให้ได้ในหลายรูปแบบอีก แต่ถ้าทำแบบไม่คิดอะไร และไม่เดือดร้อนก็น่าจะเสร็จได้ เหนื่อยตอนที่วิ่งไปรอบๆ กรุงเทพฯ น่าเบื่อจริงๆ บางทีการจัดเอกสารในโปรแกรมรุ่นใหม่ๆ ก็ไม่เหมือนเดิม ต้องมาเรียนรู้กันอีก อีกหน่อยต้องทำงานบนรถกันด้วย 3G บนเครื่องแท๊บเล็ตได้โดยแก้ไขในไฟล์เดียวกันไปพร้อมๆ กันได้ แล้ว แต่ละคนก็ทำในแต่ละส่วน แต่บางทีเน็ตก็ต่อไม่ติด ทำ อะไรจุกจิก เตรียมงาน วิศวกรรม ที่ไปรับมาไม่ได้ ต้องรอเข้าสำนักงาน อีก ประเทศไทย จะฟ้องร้อง กสทช กันไปอีกกี่รอบ แค่ใช้งานเวบไซต์ บางทีแก้ไขไปแล้ว แต่ก็โหลดไม่เข้า ตกหล่นหายไป หลายครั้งแล้ว ถ้าเน็ตไม่ดี ล่าสุด นี่ กสทช ก็ได้เลือกตั้งผ่าน วุฒิสมาชิกเลือกตั้งมาแล้ว แม้จะมีทหารมากไปหน่อย แต่ก็ไม่รู้ว่าเขารู้จริงๆ หรือป่าว เพราะเพื่อน วิศวกรไฟฟ้า บางคนที่รู้มากทำงานดีๆ แต่ก็ไม่ผ่านการเลือกของ ส.ว.

ต้องเรียนรู้เรื่อง ดอกเบี้ยระบบไฟแนนซ์ การเงินของระบบเศรษฐกิจ และระบบเอกสารราชการ และการตีความเนื้อความสัญญา เพราะทุกคนก็ทำงานผ่านทางอินเตอร์เน็ตหมดแล้ว แต่รู้สึกว่าเมื่อไม่รู้เรื่องพวกนี้ก็ ทำงานยังไม่ค่อยได้เต็มประสิทธิภาพ งานบางตำแหน่งแม้จะเก่งด้านวิศวกรรมเท่าไร แต่ก็สู้คนอื่นที่รู้รอบตัวไม่ได้ แต่การที่เราเปลี่ยนงานบ่อยพอสมควร และ รับงานนอกแบบแปลกๆ ก็จะทำให้มีประสพการณ์ ที่ไม่เหมือนใคร และ ไม่น้อยกว่าใครด้วย (ถ้าทำได้จนอายุ 60 ปี) ซึ่งก็เป็นเรื่องปกติ ที่เห็นวิศวกรรุ่นพี่บางคน อายุ 70 กว่าแล้วก็ยังทำงานอยู่ ก็คงเพราะสังคมที่ต้องใช้เงิน และอยู่เฉยๆ ก็ไม่ได้จะเบื่อเกินไป ไปดูโน่นดูนี่ ดีกว่า

บางทีลูกค้าเค้าก็ตัดสินเลือกเราแล้วค่อยมาเจอเพื่่อนเราที่ทำงานให้เขา แต่เขาจะเลือกวิศวกรที่ถูกใจของเขาเอง และวิธีการของเขาก็ถูกเพราะถ้าจะทำตามหลักวิชาการแล้วก็ต้องเสียเงินเพิ่มเติมอยู่ดี ก็ใส่เพิ่มเติมไปเลยไม่ต้องเสียเวลาและเสียค่าใช้จ่ายในการตรวจสอบ

เพราะยังไงก็ต้องสร้างเพื่ออยู่เองเค้าต้องการแบบเร็วที่สุดในช่วงแรก ที่จะให้งานเริ่มต้นไปตาม กระบวนการการเงิน และการขออนุญาต ส่วนการออกแบบรายละเอียดค่อยมีเวลาทำตามตอนได้เงินมาทำโครงการแล้ว แต่ก็มีพวกวิศวกรบางคนที่ออกแบบและวางสเป็คของที่ตัวเองชอบ อยู่ด้วยในตลาด ก็คงเป็นช่วงที่กอบโกย ของเขา ไม่รู้ว่าเป็นกันทุกคนหรือป่าว

 

ตอนแรกเราก็ไม่รู้ว่า ฝ่ายหางานเข้าบริษัทฯ มีความสำคัญมาก เพราะถ้าไม่มีการเตรียมไว้ให้พอกับ งานที่หมดลง พนักงานก็จะไม่มีงานทำมีแต่รายจ่าย ไม่มีโบนัสให้เขา และอาจจะต้องปลดออกด้วยซ้ำถ้าไม่มีงานนานๆการหมุนเงินบางทีก็ไม่พอ อาจจะต้องยืมเขามาจ่ายเงินเดือนพนักงานไปก่อน ยิ่งฝ่ายผู้รับเหมาก็ยิ่งมีความสำคัญ เพราะรายจ่ายเยอะกว่า บริษัทที่ปรึกษา หรือ บริษัทออกแบบมาก วิศวกรที่หางานนี่ก็ไม่ได้มีความรู้่เรื่องออกแบบ หรือ ควบคุมงาน หรือก่อสร้างเลย ก็ได้แต่ขอให้ติดตามสร้างความสัมพันธ์กับลูกค้า ให้ได้ แต่ผลงานก็ต้องมาจากพนักงานประจำที่ไปทำว่าจะสร้างผลงานมาดีพอที่เขาจะจ้างต่อไป หรือไม่ ไม่รวมเรื่องงานที่มีการใช้เส้นสายใต้ดิน

บางทีก็ต้องเร่งงานจนดึกอีกแล้ว ทั้งที่ไม่อยากเลย แต่เวลามันบังคับเสมอ เช้ามาก็จะได้ทำงานต่อได้กันทุกฝ่าย คนเขียนแบบก็เขียนไป วิศวกรเราก็ทำรายการคำนวณไป แล้วก็จะได้แบบรายละเอียดมาเขียนต่อได้อีก ถ้ารอไป 1วัน ก็ช้าไป 1วัน ผู้ประกอบการเค้าก็จะได้เสียดอกเบี้ยน้อยลง 1 วัน ในขณะที่ภาคธุรกิจเค้าประหยัดกันมาก แต่ประสพการณ์ที่เจอมากับหน่วยงานภาครัฐ มักจะให้กันเอาเงินงบประมาณไปใช้ในส่วนที่ตัวเองได้ผลประโยชน์ควบเข้าไปด้วยเสมอ ไม่มีไม่ได้เลย

 ปัจจัยที่จะทำให้ ประสบความสำเร็จ ในการทำอะไรก็ตาม คื่อ มวยวัด ให้ เริ่มเลย เราก็ไปเปิดซื้อหา เวบสำเร็จรูป ก่อนเลย,กัดไม่ปล่อย ไปอบรมเพิ่มเติม และ ทำไปเรื่อยๆ ลองผิดลองถูก, อย่าคอยโอกาส เมื่อได้ลูกค้าแล้วก็ลองใช้วิธีที่ดีขึ้น เสียเงินเพิ่มหน่อย, ใช้ อำนาจของคำพูดทุกเช้า มีการอัพเดตทุกวัน, ดึงดูดสิ่งดีๆ ลักษณะเด่นๆ เข้ามา ดูข้อมูล วิศวกรรม จากสังคมออนไลน์ เข้ามาเสริม ไปสัมมนาในงาน ต่างๆ มือถือ การทำเวบ ทุกอย่าง ก็จริง ถ้าไม่ได้เริ่มก็ไม่มีอะไรเกิดขึ้น เห็นความก้าวหน้าของบริษัทฯ ก็ดีขึ้นสามารถวางเป้าหมายชีวิตได้ดีขึ้น แต่ก็ต้องไปกับสุขภาพที่ดีด้วย ทุกอย่างก็ต้องใช้เวลากว่าจะมั่นคงได้ยังคงต้องรอ เพราะการแข่งขันสูงขึ้นทุกที ยิ่งเปิดเสรีอาเซียน ปี 58 เมื่อไร ก็ต้องปรับตัวมากขึ้น ไม่งั้นสู้ วิศวกร พวก สิงคโปร์ และ มาเลย์ ไม่ได้แน่ code บางอย่างไม่มีในเมืองไทย ก็ต้องพยายามศึกษา จากของต่างประเทศ ที่เขามีการพัฒนาการอย่างต่อเนื่อง แต่ก็อาจจะยังไม่เหมาะสมกับเมืองไทย เพราะจะทำให้ค่าก่อสร้างแพงเกินไปก็มี ภาษาอังกฤษ จึงมีความสำคัญอย่างมาก ถ้าจะลองทำอีกอย่างคือสำนักงานที่เล็กกระทัดรัดมากที่สุดอยู่ในเมืองใช้การทำงานผ่านระบบอินเตอร์เน็ต พอเปิดเสรีก็จะได้ไปได้ไม่มีต้นทุนสูงมาก แต่บางทีรู้สึกว่าการจัดการเรื่องคนเป็นเรื่องที่ยากที่สุด แค่นี้ก็เริ่มรู้สึกว่าเหนื่อยสุดๆ แล้ว แต่บางทีพูดเก่งๆ ในงานก็ทำให้ง่ายขึ้นมาก ยึดเวลา เกษียรไปได้นานกว่า และอาจพัฒนาไปเป็นนักลงทุนใน ธุรกิจพลังงานหมุนเวียนใช้ในชุมชนที่ยังยืนกว่า และค่อยเข้าสู่ขาลง ตามธรรมดา

 

AutoCad แบบ GIS แค่จะเปิดดูจะต้องค่อยแปลงให้เป็น Cad ธรรมดาๆ ถึงจะใช้งานได้ เทคโนโลยี่ไปเร็วมากจริงๆ ไฟล์ข้อมูลที่รวมเข้าไปกับแผนที่ด้วย เคยแต่ได้ยินแต่ไม่เคยเจอไฟล์จริงๆ ประโยชน์เยอะ แต่ก็ต้องศึกษา และเสียค่าลิขสิทธิ์ใช้ได้ เฉพาะบริษัทใหญ่ๆ เท่านั้นที่พัฒนาแข่งกันไม่กี่เจ้าในโลก

 

 คลิ๊กเพื่อ กลับขึ้นไปหน้าหลักนะครับ

ลองสอนให้รุ่นน้อง วิศวกร ทำแบบ วิเคราะห์รายการคำนวณ เค้าก็ชอบทำแบบง่ายๆ 2 มิติ ทั้งที่เราก็พยามยามแนะนำให้ใช้แบบ 3 มิติ เพราะมันจะให้แรงที่จุดต่อต่างๆ ได้ดีกว่า แบบ 2 มิติ แต่เขาก็ไม่สนใจ และไม่ได้ใส่ใจดูแบบที่ชาวบ้านเขาทำกันให้เห็นเป็นตัวอย่างตามถนนกันทั่วไปด้วย หรือบางทีถ้าทำแบบ สามมิติ เวลาแก้ไข แบบ มากๆ ก็อาจจะเสียเวลาทำโมเดลใหม่ทั้งหมด เลยก็ได้ เลยไม่อยากทำกัน ลองดูหลายคนก็เห็นข้อเปรียบเทียบ วิศวกรแต่ละคนไม่เหมือนกันจริงๆ

 



ชื่อ
เบอร์โทรศัพท์
อีเมล
หัวข้อ
รายละเอียด