รายละเอียดโรงไฟฟ้าพลังความร้อนร่วมพระนครเหนือชุดที่1
ReadyPlanet.com
bullet กฎกระทรวง กําหนดลักษณะอาคารประเภทอื่นที่ใช้ประกอบธุรกิจโรงแรม พ.ศ. ๒๕๕๙
dot
Group Menu
dot
bulletวุฒิวิศวกรออกแบบโครงสร้าง
dot
Newsletter

dot
bulletโครงการแก้ไขปัญหาสิ่งแวดล้อม
bulletวิศวกร งานโลหะ และ เหล็ก
bulletสารพัดปัญหาของวิศวกรโยธา ก่อสร้าง
bulletรับรองความมั่นคงอาคาร โรงเรียนกวดวิชา วุฒิวิศวกร
bulletคณภาพของ วิศวกร
bulletไฟไหม้ กับ งาน วิศวกร โยธา
bulletPower Plant Job กับ งาน วิศวกร
bulletวิศวกรโยธา กับ ตลาด รับสร้าง บ้านชิ้นส่วนสำเร็จรูป
bulletวิศวกร กำหนด มาตราฐาน ออกแบบ แผนผังโรงงาน
bulletวิศวกร กับ การเลือกทำเล ที่ตั้งโรงงาน
bulletขอบเขตงานที่วิศวกร ระดับต่างๆ ทำได้ แก้ไขใหม่
bulletมาตรฐานกําหนดตําแหน่งสายงาน วิศวกรรมโยธา
bulletน้ำ และ สารผสม คอนกรีต
bulletgooglebc0321ea4a8e3495.html




วุฒิวิศวกรไฟฟ้า วุฒิวิศวกรเครื่องกล

รับ ออกแบบ อาคาร โรงงาน

ะบบไฟฟ้า

ะบบเครื่องกล ระบบปรับอากาศ

ตรวจสอบรับรองการก่อสร้างอาคาร ปรับปรุงรักษาสภาพอากาศ น้ำ เสียง กลิ่ง สิ่งแวดล้อม ดัดแปลงอาคาร

 

 สำหรับปริญญาตรีและปริญญาโทวิศวกรรมไฟฟ้าและสื่อสาร วิชาเด่นๆ ที่ต้องเรียนมีดังนี้:

 

1. คณิตศาสตร์วิศวกรรม: ศึกษาแคลคูลัส สมการเชิงอนุพันธ์ เวกเตอร์ และการวิเคราะห์เชิงซ้อน

   เป็นพื้นฐานสำคัญสำหรับการวิเคราะห์และออกแบบระบบไฟฟ้าและสื่อสาร

 

2. วิเคราะห์วงจรไฟฟ้า: ศึกษาการวิเคราะห์วงจรไฟฟ้ากระแสตรงและกระแสสลับ

   เรียนรู้กฎของโอห์ม กฎของเคอร์ชอฟฟ์ และการวิเคราะห์วงจรด้วยวิธีต่างๆ

 

3. อิเล็กทรอนิกส์วิศวกรรม: ศึกษาคุณสมบัติและการทำงานของอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์

   เรียนรู้การวิเคราะห์และออกแบบวงจรขยาย วงจรกรอง และวงจรดิจิทัล

 

4. สัญญาณและระบบ: ศึกษาสัญญาณต่อเนื่องและไม่ต่อเนื่อง ระบบเชิงเส้นและไม่เชิงเส้น

   เรียนรู้การวิเคราะห์สัญญาณและระบบในโดเมนเวลาและโดเมนความถี่

 

5. การสื่อสารข้อมูลและเครือข่าย: ศึกษาการสื่อสารข้อมูลและเครือข่ายคอมพิวเตอร์

   เรียนรู้สถาปัตยกรรมเครือข่าย โปรโตคอล การหาเส้นทาง และความปลอดภัยของข้อมูล

 

6. ทฤษฎีสนามแม่เหล็กไฟฟ้า: ศึกษาสนามไฟฟ้าสถิต สนามแม่เหล็กสถิต และคลื่นแม่เหล็กไฟฟ้า

   เรียนรู้สมการของแมกซ์เวลล์ และการประยุกต์ใช้ในการส่งสัญญาณไร้สาย

 

7. การประมวลผลสัญญาณดิจิทัล: ศึกษาการแปลงสัญญาณต่อเนื่องเป็นสัญญาณดิจิทัล

   เรียนรู้การกรอง การแปลงฟูเรียร์ และการประยุกต์ใช้ในระบบสื่อสาร

 

8. การสื่อสารดิจิทัล: ศึกษาการส่งสัญญาณดิจิทัลผ่านช่องสัญญาณต่างๆ

   เรียนรู้การมอดูเลต การตรวจจับสัญญาณ การแก้ไขความผิดพลาด และการเข้ารหัสช่องสัญญาณ

 

9. วิศวกรรมไมโครเวฟ: ศึกษาการแพร่กระจายคลื่นความถี่สูงย่านไมโครเวฟและการประยุกต์ใช้งาน

   เรียนรู้การออกแบบวงจรไมโครเวฟ สายส่ง และสายอากาศ

 

10. ระบบควบคุมอัตโนมัติ: ศึกษาการวิเคราะห์และออกแบบระบบควบคุมป้อนกลับอัตโนมัติ

    เรียนรู้แบบจำลองทางคณิตศาสตร์ เสถียรภาพ และการชดเชยระบบควบคุม

 

11. การออกแบบระบบดิจิทัล: ศึกษาการออกแบบวงจรดิจิทัลและระบบดิจิทัล

    เรียนรู้พีชคณิตบูลีน การออกแบบวงจรรวม และภาษาอธิบายฮาร์ดแวร์

 

12. โครงข่ายโทรคมนาคม: ศึกษาโครงข่ายโทรศัพท์และการสื่อสารข้อมูลแบบสลับวงจร

    เรียนรู้การหาเส้นทางการสื่อสาร การจัดการทราฟฟิก และคุณภาพการให้บริการ

 

13. หลักการระบบสื่อสาร: ศึกษาองค์ประกอบพื้นฐานของระบบสื่อสาร สัญญาณและสเปกตรัม

    เรียนรู้การมอดูเลตสัญญาณ การส่งสัญญาณผ่านช่องสัญญาณ และการประยุกต์ใช้งาน

 

14. วิศวกรรมสายอากาศ: ศึกษาหลักการและการออกแบบสายอากาศชนิดต่างๆ

    เรียนรู้แบบรูปการแผ่กระจายคลื่น อัตราขยาย และการแมตช์อิมพีแดนซ์

 

15. ปัญญาประดิษฐ์ในงานวิศวกรรม: ศึกษาการประยุกต์ใช้ AI และการเรียนรู้ของเครื่องในงานวิศวกรรมไฟฟ้า

    เรียนรู้อัลกอริทึมการเรียนรู้ เช่น โครงข่ายประสาทเทียม ซัพพอร์ตเวกเตอร์แมชชีน และดีพเลิร์นนิง

 

16. การประมวลผลภาพดิจิทัล: ศึกษาเทคนิคการประมวลผลและวิเคราะห์ภาพดิจิทัล

    เรียนรู้การปรับปรุงคุณภาพภาพ การแยกวัตถุ การรู้จำภาพ และการประยุกต์ใช้งาน

 

17. การสื่อสารมัลติมีเดีย: ศึกษาการรับส่งข้อมูลเสียง ภาพ และวิดีโอแบบประสานเวลา

    เรียนรู้การบีบอัดสัญญาณ การเข้ารหัสแหล่งกำเนิด และการส่งสัญญาณแบบเรียลไทม์

 

18. การออกแบบวงจรรวมขนาดใหญ่มาก (VLSI): ศึกษาการออกแบบวงจรรวมความหนาแน่นสูง

    เรียนรู้การใช้เครื่องมือช่วยออกแบบ (EDA) การวางแผนผังวงจร และการจำลองการทำงาน

 

19. วิศวกรรมไฟฟ้ากำลัง: ศึกษาการผลิต ส่งจ่าย และจำหน่ายกำลังไฟฟ้าอย่างมีประสิทธิภาพ

    เรียนรู้การทำงานของเครื่องกำเนิดไฟฟ้า หม้อแปลง สวิตช์เกียร์ และระบบป้องกัน

 

20. โครงงานวิศวกรรมไฟฟ้าและสื่อสาร: นักศึกษานำความรู้มาประยุกต์ใช้ในการทำโครงงานวิจัยหรือพัฒนา

    บูรณาการความรู้ด้านไฟฟ้า อิเล็กทรอนิกส์ สื่อสาร และสารสนเทศ เพื่อแก้ปัญหาจริง

สำหรับปริญญาตรีและปริญญาโทวิศวกรรมเครื่องกล วิชาเด่นๆ ที่ต้องเรียนมีดังนี้:


1. กลศาสตร์วิศวกรรม: ศึกษาหลักการของแรง โมเมนต์ และการเคลื่อนที่ของวัตถุ

   ประยุกต์ใช้ในการวิเคราะห์ปัญหาทางวิศวกรรมเครื่องกล


2. ความแข็งแรงของวัสดุ: ศึกษาแรงและความเค้นที่กระทำต่อโครงสร้างและชิ้นส่วนเครื่องจักรกล

   เรียนรู้การวิเคราะห์การเสียรูปและการวิบัติของวัสดุภายใต้ภาระกรรมต่างๆ


3. อุณหพลศาสตร์: ศึกษากฎข้อที่หนึ่งและข้อที่สองของอุณหพลศาสตร์ วัฏจักรกำลังและวัฏจักรทำความเย็น

   ประยุกต์ใช้ในการวิเคราะห์และออกแบบระบบที่เกี่ยวข้องกับพลังงานความร้อน


4. กลศาสตร์ของไหล: ศึกษาหลักการของสถิตยศาสตร์และพลศาสตร์ของของไหล สมการของการไหลแบบต่างๆ

   ประยุกต์ใช้ในการออกแบบระบบท่อ เครื่องสูบน้ำ และกังหันของไหล


5. การถ่ายเทความร้อน: ศึกษากลไกการถ่ายเทความร้อนแบบการนำ การพา และการแผ่รังสี

   ประยุกต์ใช้ในการออกแบบอุปกรณ์แลกเปลี่ยนความร้อนและระบบปรับอากาศ


6. การออกแบบเครื่องจักรกล: ศึกษาหลักการออกแบบชิ้นส่วนเครื่องจักรกล เช่น เพลา สปริง เฟือง และสกรู

   เรียนรู้การเลือกวัสดุ การคำนวณความแข็งแรง และการวิเคราะห์อายุการใช้งาน


7. การสั่นสะเทือนเชิงกล: ศึกษาการสั่นสะเทือนแบบอิสระ แบบบังคับ และแบบหน่วง

   ประยุกต์ใช้ในการวิเคราะห์และการควบคุมการสั่นสะเทือนของเครื่องจักรและโครงสร้าง


8. การควบคุมอัตโนมัติ: ศึกษาทฤษฎีและเทคนิคการควบคุมระบบพลวัตอัตโนมัติ

   เรียนรู้การวิเคราะห์เสถียรภาพ การออกแบบตัวควบคุม และการจำลองระบบควบคุม


9. กรรมวิธีการผลิต: ศึกษากระบวนการผลิตชิ้นส่วนเครื่องจักรกลด้วยเทคนิคต่างๆ เช่น การหล่อ การกลึง การกัด

   เรียนรู้การวางแผนและควบคุมการผลิตให้มีประสิทธิภาพ


10. การวัดและเครื่องมือวัด: ศึกษาหลักการทำงานของเครื่องมือวัดทางกล เช่น เครื่องวัดความดัน เครื่องวัดอัตราการไหล

    เรียนรู้การสอบเทียบและการประยุกต์ใช้เครื่องมือวัดในงานวิศวกรรม


11. พลศาสตร์และการควบคุมหุ่นยนต์: ศึกษาจลนศาสตร์ พลศาสตร์ และการควบคุมการเคลื่อนที่ของหุ่นยนต์

    เรียนรู้การออกแบบกลไกหุ่นยนต์ การวางแผนเส้นทาง และการเขียนโปรแกรมควบคุม


12. เทอร์โมไดนามิกส์ของวัสดุ: ศึกษาหลักการทางอุณหพลศาสตร์ที่เกี่ยวข้องกับวัสดุวิศวกรรม

    เรียนรู้ความสัมพันธ์ระหว่างโครงสร้างจุลภาค สมบัติ และกระบวนการทางความร้อนของวัสดุ


13. การทำความเย็นและการปรับอากาศ: ศึกษาหลักการทำความเย็น ส่วนประกอบของระบบทำความเย็น และการออกแบบระบบปรับอากาศ

    เรียนรู้การคำนวณภาระความเย็น การเลือกอุปกรณ์ และการประเมินสมรรถนะพลังงาน


14. เครื่องจักรกลของไหล: ศึกษาหลักการทำงานและส่วนประกอบของเครื่องจักรกลของไหล เช่น เครื่องสูบ เครื่องอัด กังหัน

    เรียนรู้การออกแบบและเลือกใช้เครื่องจักรให้เหมาะสมกับระบบของไหล


15. การจำลองทางวิศวกรรม: ศึกษาเทคนิคการสร้างแบบจำลองทางคณิตศาสตร์และคอมพิวเตอร์เพื่อวิเคราะห์ปัญหาทางวิศวกรรม

    เรียนรู้การใช้ซอฟต์แวร์ CAE เช่น MATLAB, ANSYS ในการจำลองและวิเคราะห์ผล


16. วิศวกรรมยานยนต์: ศึกษาเทคโนโลยีและองค์ประกอบต่างๆ ของยานยนต์ เช่น เครื่องยนต์ ระบบส่งกำลัง ระบบรองรับน้ำหนัก

    เรียนรู้การออกแบบ วิเคราะห์ และทดสอบสมรรถนะของยานยนต์


17. การออกแบบและผลิตโดยใช้คอมพิวเตอร์ช่วย (CAD/CAM): ศึกษาการใช้ซอฟต์แวร์ CAD ในการออกแบบชิ้นส่วนเครื่องจักรกล

    เรียนรู้การนำแบบ CAD ไปผลิตด้วยเครื่องจักรซีเอ็นซี และการวางแผนกระบวนการผลิต


18. เมคาทรอนิกส์: ศึกษาการบูรณาการองค์ความรู้ทางเครื่องกล ไฟฟ้า และคอมพิวเตอร์ เพื่อพัฒนาระบบอัตโนมัติ

    เรียนรู้การออกแบบและควบคุมระบบเมคาทรอนิกส์ในงานอุตสาหกรรม


19. ระเบียบวิธีไฟไนต์เอลิเมนต์: ศึกษาการประยุกต์ใช้ระเบียบวิธีไฟไนต์เอลิเมนต์ในการวิเคราะห์ปัญหาทางวิศวกรรม

    เรียนรู้การแบ่งโดเมนปัญหา การสร้างสมการโหนด และการใช้ซอฟต์แวร์ไฟไนต์เอลิเมนต์


20. โครงงานวิศวกรรมเครื่องกล: นักศึกษานำความรู้จากวิชาต่างๆ มาประยุกต์ใช้ในการทำโครงงานวิจัยหรือโครงงานออกแบบ

    บูรณาการองค์ความรู้ด้านเครื่องกล ความร้อน ของไหล และระบบควบคุม เพื่อแก้ปัญหาในงานวิศวกรรม 

 

สำหรับปริญญาตรีและปริญญาโทวิศวกรรมเมคาทรอนิกส์ วิชาเด่นๆ ที่ต้องเรียนมีดังนี้:

 

1. คณิตศาสตร์วิศวกรรม: ศึกษาแคลคูลัส สมการเชิงอนุพันธ์ เวกเตอร์ และเมทริกซ์

   เป็นพื้นฐานสำคัญสำหรับการวิเคราะห์และแก้ปัญหาในงานเมคาทรอนิกส์

 

2. ฟิสิกส์วิศวกรรม: ศึกษาหลักการของกลศาสตร์ ไฟฟ้า และความร้อน

   ประยุกต์ใช้กฎทางฟิสิกส์ในการวิเคราะห์ระบบเมคาทรอนิกส์

 

3. การเขียนโปรแกรมคอมพิวเตอร์: ศึกษาภาษาโปรแกรมที่ใช้ในงานเมคาทรอนิกส์ เช่น C, C++, Python

   เรียนรู้การเขียนโปรแกรมควบคุมฮาร์ดแวร์และประมวลผลข้อมูล

 

4. วงจรไฟฟ้าและอิเล็กทรอนิกส์: ศึกษาการวิเคราะห์วงจรไฟฟ้า อุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ และการออกแบบวงจร

   เป็นพื้นฐานสำหรับการทำงานร่วมกับระบบไฟฟ้าในเมคาทรอนิกส์

 

5. เซ็นเซอร์และทรานสดิวเซอร์: ศึกษาหลักการทำงานและการใช้งานของเซ็นเซอร์และทรานสดิวเซอร์ชนิดต่างๆ

   เรียนรู้การวัดและการแปลงสัญญาณทางกายภาพเป็นสัญญาณไฟฟ้า

 

6. ไมโครคอนโทรลเลอร์และการเชื่อมต่อ: ศึกษาสถาปัตยกรรมและการโปรแกรมไมโครคอนโทรลเลอร์

   เรียนรู้การเชื่อมต่อไมโครคอนโทรลเลอร์กับอุปกรณ์ภายนอก เช่น เซ็นเซอร์ มอเตอร์

 

7. ระบบควบคุมอัตโนมัติ: ศึกษาทฤษฎีและเทคนิคการควบคุมระบบพลวัตอัตโนมัติ

   เรียนรู้การออกแบบตัวควบคุม PID, ฟัซซี่ลอจิก และการควบคุมแบบป้อนกลับ

 

8. หุ่นยนต์เบื้องต้น: ศึกษาโครงสร้างและการทำงานของหุ่นยนต์อุตสาหกรรมและหุ่นยนต์เคลื่อนที่

   เรียนรู้จลนศาสตร์ พลศาสตร์ และการควบคุมการเคลื่อนไหวของหุ่นยนต์

 

9. คอมพิวเตอร์วิทัศน์: ศึกษาหลักการประมวลผลภาพและการมองเห็นของคอมพิวเตอร์

   เรียนรู้อัลกอริทึมในการวิเคราะห์และแปลความหมายภาพสำหรับงานเมคาทรอนิกส์

 

10. การออกแบบและผลิตด้วยคอมพิวเตอร์ (CAD/CAM): ศึกษาการใช้ซอฟต์แวร์ CAD ในการออกแบบชิ้นส่วนเครื่องจักร

    เรียนรู้การสร้างโปรแกรม CAM สำหรับควบคุมเครื่องจักร CNC ในการผลิต

 

11. ระบบอัตโนมัติทางอุตสาหกรรม: ศึกษาเทคโนโลยีออโตเมชันในอุตสาหกรรม เช่น PLC, SCADA, DCS

    เรียนรู้การออกแบบและการประยุกต์ใช้ระบบอัตโนมัติในสายการผลิต

 

12. การออกแบบเครื่องจักรกล: ศึกษาหลักการออกแบบชิ้นส่วนเครื่องจักรกล เช่น เพลา สปริง เฟือง

    เรียนรู้การเลือกใช้วัสดุและกระบวนการผลิตที่เหมาะสม

 

13. ระบบป้อนกลับและเซอร์โว: ศึกษาหลักการของระบบควบคุมป้อนกลับและเซอร์โวมอเตอร์

    เรียนรู้การออกแบบและปรับแต่งระบบเซอร์โวสำหรับควบคุมตำแหน่งและความเร็ว

 

14. การสั่นสะเทือนและการควบคุม: ศึกษาทฤษฎีของการสั่นสะเทือนทางกล และเทคนิคการควบคุมการสั่นสะเทือน

    ประยุกต์ใช้ในการลดการสั่นสะเทือนของเครื่องจักรและอุปกรณ์

 

15. ระบบสมองกลฝังตัว: ศึกษาการออกแบบและพัฒนาระบบคอมพิวเตอร์ขนาดเล็กที่ฝังตัวในอุปกรณ์

    เรียนรู้การเชื่อมต่อฮาร์ดแวร์และการพัฒนาซอฟต์แวร์สำหรับระบบสมองกลฝังตัว

 

16. หุ่นยนต์อัตโนมัติ: ศึกษาการออกแบบและพัฒนาหุ่นยนต์อัตโนมัติสำหรับงานอุตสาหกรรม

    เรียนรู้การวางแผนภารกิจ การเขียนโปรแกรมควบคุม และการประยุกต์ใช้หุ่นยนต์

 

17. ระบบอัจฉริยะและปัญญาประดิษฐ์: ศึกษาเทคนิคปัญญาประดิษฐ์ เช่น ตรรกศาสตร์คลุมเครือ โครงข่ายประสาทเทียม

    ประยุกต์ใช้ AI ในการพัฒนาระบบอัจฉริยะสำหรับงานเมคาทรอนิกส์

 

18. อินเทอร์เน็ตของสรรพสิ่ง (IoT): ศึกษาแนวคิดและเทคโนโลยีของ IoT สำหรับเชื่อมต่ออุปกรณ์ผ่านอินเทอร์เน็ต

    เรียนรู้การออกแบบและพัฒนาแอปพลิเคชันบน IoT สำหรับงานเมคาทรอนิกส์

 

19. หัวข้อพิเศษทางวิศวกรรมเมคาทรอนิกส์: ศึกษาหัวข้อและเทคโนโลยีใหม่ๆ ที่น่าสนใจในสาขาเมคาทรอนิกส์

    เรียนรู้การประยุกต์ใช้เทคโนโลยีขั้นสูงเพื่อแก้ปัญหาในงานวิศวกรรม

 

20. โครงงานวิศวกรรมเมคาทรอนิกส์: บูรณาการความรู้จากวิชาต่างๆ มาประยุกต์ใช้ในการทำโครงงาน

 

    ฝึกทักษะการออกแบบ พัฒนา และแก้ปัญหาระบบเมคาทรอนิกส์จริง

ระบบป้องกันเพลิงไหม้

 

บริการ ตรวจสอบและรับรองการจัดการพลังงาน สำหรับโรงงานควบคุม และอาคารควบคุม

 

แก้ไขปัญหาวิศวกรรม  โดย วุฒิวิศวกร ทุกระบบ

 

 

 

 บริษัท 4 ดับบลิว ดีเวลลอปเมนท์ จำกัด ทีมงาน วุฒิวิศวกร ไฟฟ้า วุฒิวิศวกร เครื่องกล วุฒิสถาปนิก วุฒิวิศวกร อุตสาหการ นำโดย วุฒิวิศวกรโยธา

ปรึกษา ได้ที่ อีเมลย์ wbk123@gmail.com

โทร 0812974848

 

โครงการพัฒนาโรงไฟฟ้าพลังความร้อนร่วมพระนครเหนือ ชุดที่ 1 เป็นโครงการที่บรรจุอยู่ในแผนพัฒนากำลังผลิตไฟฟ้าของประเทศ และ เพื่อเสริมความมั่นคงของระบบไฟฟ้า

โครงการพัฒนาโรงไฟฟ้าพลังความร้อนร่วมพระนครเหนือ ชุดที่ 1 ได้รับอนุมัติจากคณะรัฐมนตรีให้การไฟฟ้าฝ่ายผลิตแต่งประเทศไทย (กฟผ.) ดำเนินการก่อสร้างเมื่่อวันที่ 12 ธันวาคม 2549 โดยจะใช้ระยะเวลาในการก่อสร้างทั้งสิ้นประมาณ 36 เดือน ซึ่งมีกำหนดแล้วเสร็จและสามารถจ่ายไฟฟ้าเข้าระบบได้ในเดือน มีนาคม 2553

 

รายละเอียดโครงการ

 

 

สถานที่ตั้งโครงการ

 

          โครงการพัฒนาโรงไฟฟ้าพลังความร้อนร่วมพระนครเหนือ ชุดที่ 1 ตั้งอยุ่ในพื้นที่โรงไฟฟ้าพระนครเหนือเดิมซึ่งหมดอายุรื้อถอนออกไปบริเวณริมแม่น้ำเจ้าพระยาตำบลบางกรวย อำเภอบางกรวย จังหวัดนนทบุรี มีพื้นที่ประมาณ 125 ไร่ แบ่งเป็นพื้นที่โรงไฟฟ้า 70 ไร่ และพื้นที่สีเขียว 55 ไร่

 

ลักษณะของโครงการ

 

โครงการพัฒนาโรงไฟฟ้าพลังความร้อนร่วมพระนครเหนือ ชุดที่ 1 เป็นโรงไฟฟ้าพลังความร้อนร่วม จำนวน 1 ชุด ขาดกำลังผลิตติดตั้ง 704 เมกะวัตต์ ประกอบด้วยเครื่องผลิตกังหันแก๊ส จำนวน 2 เครื่อง ขนาดกำลังผลิตเครื่องละ 221 เมกะวัตต์ และเครื่องผลิตไฟฟ้ากังหันไอน้ำ จำนวน 1 เครื่อง ขนาดกำลังผลิต 262 เมกะวัตต์

 

เชื้อเพลิง

 

 โครงการพัฒนาโรงไฟฟ้าพลังความร้อนร่วมพระนครเหนือ ชุดที่ 1 ใช้ก๊าซธรรมชาติจากสหภาพพม่าเป็นเชื้อเพลิงในการผลิตกระแสไฟฟ้า ในอัตราสูงสุดวันละ 125 ล้านลูกบาศก์ฟุตจากโครงการท่อก๊าซธรรมชาติไทรน้อย-โรงไฟฟ้าพระนครใต้/พระนครเหนือ ของ ปริษัท ปตท.จำกัด(มหาชน) โดยท่อส่งก๊าซดังกล่าวจะเชื่อมต่อจากท่อส่งก๊าซ ราชบุรี-วังน้อย ที่ตำบลทวีวัฒนา อำเำอไทรน้อย จังหวัดนนทบุรี ไปยังโรงไฟฟ้าพระนครใต้ ส่วนท่อส่งก๊าซมายังโรงไฟฟ้าพระนครเนือจะแยกออกมาที่แขวงศาลาธรรมสพน์ มายังโรงไฟฟ้าพระนครเหนือ โดยมีกำหนดรับก๊าซในเดือน เมษายน 2552

 

มติคณะรัฐมนตรี -- พุธที่ 13 ธันวาคม 2006 11:39:24 น.

         คณะรัฐมนตรีพิจารณาโครงการโรงไฟฟ้าพลังความร้อนร่วมพระนครเหนือ ชุดที่ 1ตามที่กระทรวงพลังงานเสนอ แล้วมีมติดังนี้

         1. อนุมัติให้

การไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย

(กฟผ.) ดำเนินการก่อสร้างโรงไฟฟ้าพลังความร้อนร่วมพระนครเหนือ ชุดที่ 1 ตั้งอยู่บริเวณโรงไฟฟ้าพระนครเหนือเดิม  ตำบลบางกรวย อำเภอบางกรวย จังหวัดนนทบุรี ลงทุนรวม 17,547.00 ล้านบาท ซึ่งโครงการดังกล่าวบรรจุอยู่ในแผนพัฒนากำลัง

ผลิตไฟฟ้า

ของประเทศไทย พ.ศ. 2547 — 2558 (PDP 2004) และได้รับความเห็นชอบจากคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ 24 สิงหาคม 2547

 

         2. เห็นชอบให้ กฟผ. จัดทำรายละเอียดข้อมูลในประเด็นต่าง ๆ ในลักษณะเช่นเดียวกันกับโครงการโรงไฟฟ้าพลังความร้อนร่วมพระนครใต้ ชุดที่ 3 ดังนี้

 

            2.1 จัดทำรายละเอียดการกำหนดคุณลักษณะเฉพาะในการปฏิบัติการของเครื่องกำเนิด ไฟฟ้าแต่ละหน่วย (Operating Characteristics for the Generating Unit and System Standards) การคำนวณค่าความพร้อมจ่าย (Availability Payments) และการคำนวณค่าพลังงานไฟฟ้า (Energy Payments) ในลักษณะเดียวกันกับที่กำหนดใน Schedule 1 — 3 ของสัญญาซื้อขายไฟฟ้าระหว่าง กฟผ. กับผู้

ผลิตไฟฟ้า

เอกชน (IPP) ให้

กระทรวงพลังงาน

พิจารณา

 

            2.2 ให้ กฟผ. ปฏิบัติตาม Grid Code เช่นเดียวกับโรงไฟฟ้าเอกชน และในอนาคตให้ครอบคลุมถึงโรงไฟฟ้าของ กฟผ. ทุกโรงด้วย เพื่อความมั่นคงและปลอดภัยของระบบไฟฟ้า

 

            2.3 ให้ กฟผ. จัดส่งแผนการปฏิบัติการ (Action Plan) ของการดำเนินโครงการโรงไฟฟ้าความร้อนร่วมพระนครเหนือชุดที่ 1 และรายงานความก้าวหน้า การดำเนินการให้

กระทรวงพลังงาน

ทราบทุก 3 เดือน

 

            2.4 ให้ กฟผ. จัดส่งรายละเอียดการบันทึกบัญชีและข้อมูลทางด้านเทคนิคของโรงไฟฟ้าของ กฟผ. ทุกๆ สิ้นปี จัดส่งให้สำนักงานนโยบายและแผนพลังงาน (สนพ.) หรือองค์กรกำกับดูแลที่จะจัดตั้งขึ้นเป็นผู้ตรวจสอบรายละเอียดดังกล่าว เพื่อใช้เป็นข้อมูลในการประเมินศักยภาพและผลประโยชน์ที่ได้จากการเดิน เครื่องโรงไฟฟ้าของ กฟผ.

 

            2.5 ให้ กฟผ.จัดส่งรายงานความคืบหน้าและรายละเอียดในการดำเนินการตามนโยบายการนำ พลังงานหมุนเวียนจ่ายเข้าระบบไม่น้อยกว่าร้อยละ 5 ของโรงไฟฟ้าใหม่ และการจัดตั้งกองทุนพัฒนาพื้นที่รอบโรงไฟฟ้า (Energy Tax) ในอัตรา 1 สตางค์/หน่วย ของพลังงานไฟฟ้าที่จ่ายเข้าระบบ

 

         3. เห็นชอบให้ กฟผ. ปฏิบัติตามเงื่อนไขของมติดคณะกรรมการสิ่งแวดล้อมแห่งชาติในคราวประชุมครั้ง ที่ 9/2548 เมื่อวันที่ 15 สิงหาคม 2548 ดังนี้

 

            3.1 ปฏิบัติมาตรการป้องกัน แก้ไขผลกระทบสิ่งแวดล้อมและมาตรการติดตามตรวจสอบคุณภาพสิ่งแวดล้อมในรูปแผน ปฏิบัติการด้านสิ่งแวดล้อมตามที่เสนอในรายงานการวิเคราะห์ผลกระทบสิ่งแวด ล้อมโครงการโรงไฟฟ้าพลังความร้อนร่วมพระนครเหนือ ชุดที่ 1 อย่างเคร่งครัด พร้อมทั้งรายงานผลการปฏิบัติตามแผนปฏิบัติการด้านสิ่งแวดล้อม ให้สำนักงานนโยบายและแผนทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม (สผ.) พิจารณาตามระยะเวลาที่กำหนดในแผนปฏิบัติการ โดยให้เป็นไปตามแนวทางการนำเสนอผลการติดตามตรวจสอบคุณภาพสิ่งแวดล้อม

 

            3.2 ในกรณี กฟผ. จะว่าจ้างบริษัทผู้รับจ้างในการออกแบบ/ก่อสร้าง/ดำเนินการ กฟผ. จะต้องนำรายละเอียดมาตรการในแผนปฏิบัติการด้านสิ่งแวดล้อมไปกำหนดในเงื่อนไข สัญญาจ้างบริษัทผู้รับจ้างและให้ถือปฏิบัติโดยเคร่งครัด เพื่อให้เกิดประสิทธิภาพและประสิทธิผลในทางปฏิบัติ

 

            3.3 ทำการบำรุงรักษา ดูแลการทำงานของระบบหล่อเย็นให้อยู่ในสภาพที่ใช้งานได้ดีเป็นประจำ และมีความปลอดภัยต่อผู้ปฏิบัติงานและประชาชนในบริเวณใกล้เคียง

 

            3.4 หากผลการติดตามตรวจสอบคุณภาพสิ่งแวดล้อมแสดงให้เห็นแนวโน้มปัญหาสิ่งแวดล้อม กฟผ. ต้องดำเนินการปรับปรุงแก้ไขปัญหานั้นโดยเร็วและหากเกิดเหตุการณ์ใด ๆ ที่อาจก่อให้เกิดผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม  กฟผ. ต้องแจ้งให้จังหวัดนนทบุรี

กรมโรงงานอุตสาหกรรม

และสำนักงานนโยบายและแผนทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมทราบโดยเร็ว เพื่อจะได้ประสานให้ความร่วมมือในการแก้ไขปัญหาดังกล่าว

 

            3.5 หาก กฟผ.มีความประสงค์จะเปลี่ยนแปลงรายละเอียดโครงการและ/หรือแผนปฏิบัติการด้าน สิ่งแวดล้อมซึ่งแตกต่างจากที่นำเสนอในรายงานการวิเคราะห์ผลกระทบสิ่งแวดล้อม กฟผ. จะต้องเสนอรายงานแสดงรายละเอียดการขอเปลี่ยนแปลง ผลการศึกษาและประเมินผลกระทบในรายละเอียดที่ขอเปลี่ยนแปลงเปรียบเทียบกับ ข้อมูลเดิมให้คณะกรรมการผู้ชำนาญการฯ พิจารณาให้ความเห็นชอบก่อนดำเนินการเปลี่ยนแปลงทุกครั้ง

 

            3.6 หากยังมีประเด็นปัญหา ข้อวิตกกังวลและห่วงใยของชุมชนต่อการดำเนินโครงการ กฟผ. จะต้องดำเนินการแก้ไขปัญหาดังกล่าว เพื่อขจัดปัญหาความขัดแย้งของชุมชนในพื้นที่ทันที

 

         โครงการโรงไฟฟ้าพลังความร้อนร่วมพระนครเหนือ ชุดที่ 1  มีสาระสำคัญ ดังนี้

 

         1. วัตถุประสงค์  เพื่อรองรับความต้องการใช้ไฟฟ้าที่เพิ่มขึ้นตามการเจริญเติบโตทางด้าน เศรษฐกิจและอุตสาหกรรม เสริมความมั่นคงในการจ่ายไฟฟ้าของระบบ ซึ่งการก่อสร้างโรงไฟฟ้าไว้ใกล้ศูนย์กลางการใช้ไฟฟ้าจะสามารถลดการลงทุนด้าน ระบบส่งไฟฟ้าและลดความสูญเสียในระบบส่งไฟฟ้าได้

 

         2. การดำเนินงาน  มีระยะเวลาก่อสร้าง 6 ปี (พ.ศ. 2547-2553 begin_of_the_skype_highlighting            2547-2553      end_of_the_skype_highlighting) ประกอบด้วยงานก่อสร้าง 2 ส่วน

 

            2.1 งานก่อสร้างโรงไฟฟ้าพลังความร้อนร่วมขนาดกำลังผลิตประมาณ 700 เมกะวัตต์ มีประสิทธิภาพสูงประมาณร้อยละ 48.4 ประกอบด้วย เครื่อง

ผลิตไฟฟ้า

กังหัน แก๊ส จำนวน 2 เครื่อง เครื่องผลิตไอน้ำแรงดันสูงแบบใช้ไอเสีย (Heat Recovery Steam Generator : HRSG) จำนวน 2 เครื่อง และเครื่อง

ผลิตไฟฟ้า

กังหันไอน้ำ จำนวน  1 เครื่อง โดยโครงการฯ ตั้งอยู่ในบริเวณโรงไฟฟ้าพระนครเหนือเดิม ตำบลบางกรวย อำเภอบางกรวย  จังหวัดนนทบุรี

 

            2.2 งานก่อสร้างสายส่งเชื่อมโยงกับระบบไฟฟ้าเขตภาคกลาง โดย (1) ขยายสถานีไฟฟ้าแรงสูง 230 เควี  พระนครเหนือ  เพื่อรับโรงไฟฟ้าชุดใหม่ แต่เนื่องจากโครงการขยายระบบไฟฟ้าในเขตกรุงเทพฯ และปริมณฑล ระยะที่ 1 กำลังดำเนินการปรับปรุงอุปกรณ์ 230 เควี ที่สถานีไฟฟ้าแรงสูงพระนครเหนือให้มีขนาดใหญ่ขึ้นพร้อมติดตั้งอุปกรณ์ Bay 230 เควี  ไว้ด้วยแล้ว ซึ่งมีกำหนดแล้วเสร็จประมาณเดือนมิถุนายน 2550 ดังนั้น จึงไม่คิดค่าใช้จ่ายในการขยาย Bay 230 เควี เพื่อรองรับโรงไฟฟ้าชุดใหม่ และ (2) ก่อสร้างสายส่งไฟฟ้า 230 เควี จากลานไกไฟฟ้าโรงไฟฟ้าฯ — สถานีไฟฟ้าแรงสูงพระนครเหนือ วงจรคู่ ระยะทางประมาณ 0.5 กิโลเมตร

 

         3. แหล่งเชื้อเพลิง  ใช้ก๊าซธรรมชาติเป็นเชื้อเพลิงจากโครงการท่อส่งก๊าซธรรมชาติไทรน้อย —  โรงไฟฟ้าพระนครใต้/เหนือ โดย บมจ.

ปตท.

จะดำเนินการเชื่อมต่อท่อส่งก๊าซธรรมชาติเข้ากับท่อส่งก๊าซธรรมชาติราชบุรี — วังน้อย ที่รับก๊าซมาจากสหภาพพม่าที่อำเภอไทรน้อย จังหวัดนนทบุรี และวางท่อส่งก๊าซธรรมชาติแยกมาจากท่อส่งก๊าซฯ ไทรน้อย — โรงไฟฟ้าพระนครใต้/เหนือ ที่บริเวณสถานีควบคุมก๊าซฯ ศาลาธรรมสพน์ จนถึงบริเวณสะพานพระราม 7 แล้วจึงแยกไปยังโรงไฟฟ้าฯ ทั้งนี้ โรงไฟฟ้าฯ มีความต้องการใช้ก๊าซในอัตราสูงสุดประมาณ 125 ล้านลูกบาศก์ฟุตต่อวันที่ค่าความร้อนประมาณ 962 บีทียู ต่อลูกบาศก์ฟุต

 

         4. การใช้น้ำ ระบบหล่อเย็นของโรงไฟฟ้าใช้น้ำดิบจากแม่น้ำเจ้าพระยา โดยมีปริมาณการใช้น้ำสูงสุด 38,666 ลูกบาศก์เมตรต่อวัน และน้ำใช้ภายในโรงไฟฟ้าและระบบอุปโภคบริโภคต่าง ๆ ใช้น้ำจากแม่น้ำเจ้าพระยา โดยมีปริมาณการใช้น้ำสูงสุด 554 ลูกบาศก์เมตรต่อวัน สำหรับในช่วงฤดูแล้ง กรณีที่แม่น้ำเจ้าพระยามีสภาพเป็นน้ำกร่อย โรงไฟฟ้าฯ จะใช้น้ำจากการประปานครหลวงเป็นแหล่งน้ำสำรองสำหรับการ

ผลิตไฟฟ้า

และการอุปโภคบริโภค

 

         5. วงเงินลงทุนและแหล่งเงินลงทุน รวมทั้งสิ้นประมาณ 17,547.00 ล้านบาท ประกอบด้วยค่าใช้จ่ายอุปกรณ์นำเข้าจากต่างประเทศ 10,393.70 ล้านบาท คิดเป็นร้อยละ 59 ของวงเงินลงทุน  และค่าใช้จ่ายในประเทศ 7,153.30 ล้านบาท คิดเป็นร้อยละ 41 ของวงเงินลงทุน โดย กฟผ. จะพิจารณาจากหลายแหล่งเงินทุน ทั้งนี้ ในหลักการ กฟผ. จะประสานงานกับ

กระทรวงการคลัง

ผ่านสำนักงานบริหารหนี้สาธารณะในการพิจารณาแหล่งเงินกู้ตามภาวะตลาดการเงิน ดอกเบี้ย วิธีการและเงื่อนไขต่อไป

 

         6. ผลตอบแทนการลงทุน  อัตราผลตอบแทนการลงทุนของโครงการทางด้านเศรษฐศาสตร์ (EIRR) คิดเป็นร้อยละ 21.07 และอัตราผลตอบแทนการลงทุนของโครงการทางด้านการเงิน (FIRR) คิดเป็นร้อยละ 20.06

 

         7. ประโยชน์ที่ได้รับจากการดำเนินโครงการ  รักษาระดับความมั่นคงของระบบไฟฟ้าที่เพิ่มขึ้นได้อย่างเพียงพอ ตลอดจนรักษาความสามารถในการจ่ายไฟฟ้าได้ตามมาตรฐาน อีกทั้งการก่อสร้างโรงไฟฟ้าไว้ใกล้ศูนย์กลางการใช้ไฟฟ้าจะช่วยลดความสูญเสีย ในระบบส่งไฟฟ้าได้

 

  --ที่ประชุมคณะรัฐมนตรีชุดพลเอก

สุรยุทธ์ จุลานนท์

(นายกรัฐมนตรี) วันที่ 12 ธันวาคม 2549--จบ--



ชื่อ
เบอร์โทรศัพท์
อีเมล
หัวข้อ
รายละเอียด