ร่างกฎกระทรวงกำหนดการรับน้ำหนัก ความต้านทาน ความคงทนของอาคาร และพื้นดินที่รองรับอาคารในการต้านทานแรงสั่นสะเทือนของแผ่นดินไหว พ.ศ. ….
ReadyPlanet.com
bullet กฎกระทรวง กําหนดลักษณะอาคารประเภทอื่นที่ใช้ประกอบธุรกิจโรงแรม พ.ศ. ๒๕๕๙
dot
Group Menu
dot
bulletวุฒิวิศวกรออกแบบโครงสร้าง
dot
Newsletter

dot
bulletโครงการแก้ไขปัญหาสิ่งแวดล้อม
bulletวิศวกร งานโลหะ และ เหล็ก
bulletสารพัดปัญหาของวิศวกรโยธา ก่อสร้าง
bulletรับรองความมั่นคงอาคาร โรงเรียนกวดวิชา วุฒิวิศวกร
bulletคณภาพของ วิศวกร
bulletไฟไหม้ กับ งาน วิศวกร โยธา
bulletPower Plant Job กับ งาน วิศวกร
bulletวิศวกรโยธา กับ ตลาด รับสร้าง บ้านชิ้นส่วนสำเร็จรูป
bulletวิศวกร กำหนด มาตราฐาน ออกแบบ แผนผังโรงงาน
bulletวิศวกร กับ การเลือกทำเล ที่ตั้งโรงงาน
bulletขอบเขตงานที่วิศวกร ระดับต่างๆ ทำได้ แก้ไขใหม่
bulletมาตรฐานกําหนดตําแหน่งสายงาน วิศวกรรมโยธา
bulletน้ำ และ สารผสม คอนกรีต
bulletgooglebc0321ea4a8e3495.html




ร่างกฎกระทรวงกำหนดการรับน้ำหนัก ความต้านทาน ความคงทนของอาคาร และพื้นดินที่รองรับอาคารในการต้านทานแรงสั่นสะเทือนของแผ่นดินไหว พ.ศ. ….

คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบร่างกฎกระทรวงกำหนดการรับน้ำหนัก ความต้านทาน ความคงทนของอาคาร และพื้นดินที่รองรับอาคารในการต้านทานแรงสั่นสะเทือนของแผ่นดินไหว พ.ศ. ?. ที่สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณาแล้ว ตามที่กระทรวงมหาดไทยเสนอ และให้ดำเนินการต่อไปได้

สาระสำคัญของร่างกฎกระทรวง

กำหนดพื้นที่เสี่ยงภัยแผ่นดินไหวและกำหนดประเภทอาคารที่การออกแบบและคำนวณโครงสร้างอาคารให้มีการต้านทานแรงสั่นสะเทือนของแผ่นดินไหวเพิ่มเติม รวมทั้งปรับปรุงหลักเกณฑ์การกำหนดการรับน้ำหนัก ความต้านทาน และความคงทนของอาคารในการต้านทานแรงสั่นสะเทือนของแผ่นดินไหวใหม่ ให้มีความทันสมัยและมีความปลอดภัยแก่ประชาชนในการเข้าใช้อาคารมากยิ่งขึ้น ดังนี้

1. แก้ไขเพิ่มเติมบทนิยาม ดังนี้

1.1 แก้ไขบทนิยาม

?บริเวณที่ 1? หมายความว่า บริเวณหรือพื้นที่ที่ต้องเฝ้าระวัง เนื่องจากมี ความเป็นไปได้ว่าอาคารอาจได้รับผลกระทบทางด้านความมั่นคงแข็งแรงและเสถียรภาพเมื่อมีแรงสั่นสะเทือนของแผ่นดินไหว ได้แก่ จังหวัดกระบี่ จังหวัดชุมพร จังหวัดตรัง จังหวัดนครพนม จังหวัดนครศรีธรรมราช จังหวัดบึงกาฬ จังหวัดประจวบคีรีขันธ์ จังหวัดพิษณุโลก จังหวัดเพชรบุรี จังหวัดเลย จังหวัดสงขลา จังหวัดสตูล จังหวัดสุราษฎร์ธานี และจังหวัดหนองคาย

?บริเวณที่ 2? หมายความว่า บริเวณหรือพื้นที่ที่มีความเป็นไปได้ว่าอาคาร อาจได้รับผลกระทบทางด้านความมั่นคงแข็งแรงและเสถียรภาพในระดับปานกลางเมื่อมีแรงสั่นสะเทือนของแผ่นดินไหว ได้แก่ กรุงเทพมหานคร จังหวัดกำแพงเพชร จังหวัดชัยนาท จังหวัดนครปฐม จังหวัดนครสวรรค์ จังหวัดนนทบุรี จังหวัดปทุมธานี จังหวัดพระนครศรีอยุธยา จังหวัดพังงา จังหวัดภูเก็ต จังหวัดระนอง จังหวัดราชบุรี จังหวัดสมุทรปราการ จังหวัดสมุทรสงคราม จังหวัดสมุทรสาคร จังหวัดสุพรรณบุรี และจังหวัดอุทัยธานี

1.2 เพิ่มบทนิยาม

?บริเวณที่ 3? หมายความว่า บริเวณหรือพื้นที่ที่มีความเป็นไปได้ว่าอาคารอาจได้รับผลกระทบทางด้านความมั่นคงแข็งแรงและเสถียรภาพในระดับสูงเมื่อมีแรงสั่นสะเทือนของแผ่นดินไหว ได้แก่ จังหวัดกาญจนบุรี จังหวัดเชียงราย จังหวัดเชียงใหม่ จังหวัดตาก จังหวัดน่าน จังหวัดพะเยา จังหวัดแพร่ จังหวัดแม่ฮ่องสอน จังหวัดลำปาง จังหวัดลำพูน จังหวัดสุโขทัย และจังหวัดอุตรดิตถ์

?ผู้ออกแบบ? หมายความว่า ผู้ออกแบบงานสถาปัตยกรรม หรือออกแบบและคำนวณงานวิศวกรรม

?ผู้คำนวณออกแบบ? หมายความว่า วิศวกรตามกฎหมายว่าด้วยวิศวกรซึ่งทำหน้าที่จัดทำรายการคำนวณ แบบแปลน และรายละเอียดในการก่อสร้างอาคารด้านวิศวกรรม 2. แก้ไขเพิ่มเติมเกี่ยวกับการออกแบบอาคาร โดยให้ผู้ออกแบบคำนึงถึงการจัดรูปแบบเรขาคณิตของโครงสร้างอาคารเพื่อให้มีเสถียรภาพในการต้านทานแรงสั่นสะเทือนของแผ่นดินไหวสำหรับอาคารที่ตั้งอยู่ในบริเวณที่ 2 ซึ่งเป็นอาคารสูง และบริเวณที่ 3 ให้ผู้ออกแบบคำนึงถึงส่วนประกอบของอาคารด้านสถาปัตยกรรมให้มีความมั่นคง ไม่พังทลาย หรือไม่ร่วงหล่นได้โดยง่าย 3. แก้ไขเพิ่มเติมเกี่ยวกับการออกแบบและคำนวณโครงสร้างอาคาร ดังนี้

3.1 ให้ผู้ออกแบบและคำนวณโครงสร้างอาคารที่ตั้งอยู่ในบริเวณที่ 2 หรือบริเวณที่ 3 จัดโครงสร้างทั้งระบบ และกำหนดรายละเอียดปลีกย่อยชิ้นส่วนโครงสร้าง และบริเวณรอยต่อระหว่างปลายชิ้นส่วนโครงสร้างต่าง ๆ อย่างน้อยให้มีความเหนียวเป็นไปตามที่รัฐมนตรีโดยคำแนะนำของคณะกรรมการควบคุมอาคารประกาศกำหนดในราชกิจจานุเบกษา หรือหลักเกณฑ์ในเรื่องดังกล่าวที่จัดทำโดยส่วนราชการอื่นที่มีอำนาจหน้าที่ในเรื่องนั้น

3.2 กรณีที่ยังไม่มีประกาศของรัฐมนตรีและยังไม่มีหลักเกณฑ์การออกแบบและคำนวณโครงสร้างอาคารเพื่อต้านทานแรงสั่นสะเทือนของแผ่นดินไหวที่จัดทำโดยส่วนราชการอื่นที่มีหน้าที่และอำนาจใน เรื่องนั้น การออกแบบและคำนวณโครงสร้างอาคาร ให้กระทำโดยนิติบุคคลซึ่งได้รับใบอนุญาตประกอบวิชาชีพวิศวกรรมควบคุมหรือได้รับการรับรองโดยนิติบุคคลซึ่งได้รับใบอนุญาตประกอบวิชาชีพวิศวกรรมควบคุม โดยนิติบุคคลนั้นต้องมีวิศวกรระดับวุฒิวิศวกร สาขาวิศวกรรมโยธา ตามกฎหมายว่าด้วยวิศวกร เป็นผู้ให้คำแนะนำปรึกษา และลงลายมือชื่อรับรองวิธีการคำนวณนั้นด้วย

3.3 การออกแบบและคำนวณโครงสร้างอาคารประเภทใดที่รัฐมนตรียังไม่มีการประกาศกำหนดรายละเอียดเกี่ยวกับการออกแบบและคำนวณโครงสร้างอาคาร เพื่อต้านทานแรงสั่นสะเทือนของแผ่นดินไหวสำหรับอาคารประเภทนั้นไว้ และยังไม่มีหลักเกณฑ์การออกแบบและคำนวณโครงสร้างอาคารเพื่อต้านทานแรงสั่นสะเทือนของแผ่นดินไหวที่จัดทำโดยส่วนราชการอื่นที่มีหน้าที่และอำนาจในเรื่องนั้น การออกแบบและคำนวณโครงสร้างอาคารดังกล่าว ให้กระทำโดยนิติบุคคลซึ่งได้รับใบอนุญาตประกอบวิชาชีพวิศวกรรมควบคุมหรือได้รับ การรับรองโดยนิติบุคคลซึ่งได้รับใบอนุญาตประกอบวิชาชีพวิศวกรรมควบคุม โดยนิติบุคคลนั้นต้องมีวิศวกรระดับวุฒิวิศวกร สาขาวิศวกรรมโยธา ตามกฎหมายว่าด้วยวิศวกร เป็นผู้ให้คำแนะนำปรึกษา และลงลายมือชื่อรับรองวิธีการคำนวณนั้นด้วย ทั้งนี้ การออกแบบและคำนวณระดับความรุนแรงของแผ่นดินไหวของอาคารให้ผู้ออกแบบและคำนวณใช้ค่าระดับความรุนแรงของแผ่นดินไหว ไม่ต่ำกว่าระดับที่กำหนดไว้ในประกาศของรัฐมนตรี

ที่มา: ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี พลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา (นายกรัฐมนตรี) วันที่ 23 พฤศจิกายน 2563

ให้เครดิต https://www.ryt9.com/s/cabt/3178394

ร่างกฎกระทรวงฉบับล่าสุดที่เกี่ยวข้องกับการกำหนดการรับน้ำหนัก ความต้านทาน ความคงทนของอาคาร และพื้นดินที่รองรับอาคารในการต้านทานแรงสั่นสะเทือนของแผ่นดินไหว คือ "ร่างกฎกระทรวงกำหนดการรับน้ำหนัก ความต้านทาน ความคงทนของอาคาร และพื้นดินที่รองรับอาคารในการต้านทานแรงสั่นสะเทือนของแผ่นดินไหว พ.ศ. 2564" ซึ่งมีสาระสำคัญดังนี้


1. กำหนดให้อาคารที่จะก่อสร้างหรือดัดแปลงต้องได้รับการออกแบบให้สามารถต้านทานแรงสั่นสะเทือนของแผ่นดินไหวได้ตามหลักเกณฑ์ที่กำหนดในกฎกระทรวงนี้


2. กำหนดประเภทและระดับความรุนแรงของแผ่นดินไหวที่อาคารควรต้านทานได้ตามความสำคัญของอาคารนั้น ๆ 


3. กำหนดวิธีการคำนวณแรงสั่นสะเทือนที่กระทำต่ออาคาร และการวิเคราะห์และออกแบบโครงสร้างอาคารให้สามารถต้านทานแรงดังกล่าวได้อย่างปลอดภัย


4. กำหนดคุณสมบัติของวัสดุและองค์อาคารที่นำมาใช้เพื่อเสริมความแข็งแรงในการต้านทานแรงแผ่นดินไหว เช่น กำแพงคอนกรีตเสริมเหล็ก เสาเหล็ก คาน เป็นต้น


5. กำหนดมาตรฐานในการตรวจสอบ ทดสอบ และบำรุงรักษาโครงสร้างอาคารเพื่อให้มั่นใจว่ายังคงสามารถต้านทานแผ่นดินไหวได้ดีตลอดอายุการใช้งาน


กฎกระทรวงนี้มีขึ้นเพื่อปรับปรุงข้อกำหนดด้านความปลอดภัยของอาคารให้สอดคล้องกับหลักวิศวกรรมที่ทันสมัยและบริบทความเสี่ยงภัยพิบัติในประเทศไทย ซึ่งมีแนวโน้มที่แผ่นดินไหวจะเกิดบ่อยและรุนแรงขึ้นเรื่อย ๆ จึงจำเป็นต้องยกระดับมาตรฐานความแข็งแรงของอาคาร โดยเฉพาะอาคารสำคัญ เช่น โรงพยาบาล โรงเรียน อาคารสูง ฯลฯ เพื่อลดความสูญเสียที่อาจเกิดขึ้นจากแผ่นดินไหวครั้งใหญ่ในอนาคต

1. การกำหนดให้อาคารต้องได้รับการออกแบบให้ต้านทานแผ่นดินไหว

กฎกระทรวงกำหนดให้อาคารทุกประเภทที่จะก่อสร้างใหม่หรือดัดแปลงในประเทศไทย ต้องได้รับการออกแบบและก่อสร้างให้มีความสามารถในการต้านทานแรงสั่นสะเทือนจากแผ่นดินไหวได้ตามเกณฑ์ที่ระบุไว้ ทั้งนี้เพื่อให้มั่นใจว่าหากเกิดแผ่นดินไหวขึ้น อาคารจะไม่พังทลายจนเป็นอันตรายต่อชีวิตและทรัพย์สินของผู้ใช้อาคาร รวมถึงลดความเสียหายโดยรวมให้น้อยที่สุด วิศวกรโยธาและสถาปนิกจะต้องแสดงรายการคำนวณและแบบแปลนที่แสดงให้เห็นว่าได้ออกแบบตามข้อกำหนดนี้แล้วเมื่อยื่นขออนุญาตก่อสร้างหรือดัดแปลงอาคาร มิฉะนั้นจะไม่สามารถดำเนินการก่อสร้างได้ อาคารเก่าที่สร้างไปแล้วก่อนกฎกระทรวงบังคับใช้ แม้ไม่จำเป็นต้องแก้ไขตามกฎใหม่ แต่หากต้องการปรับปรุงเพื่อเพิ่มความปลอดภัยก็สามารถอ้างอิงข้อกำหนดเดียวกันนี้ได้

 

2. การจำแนกประเภทอาคารตามระดับความสำคัญและความเสี่ยงจากแผ่นดินไหว

เพื่อให้การออกแบบอาคารต้านแผ่นดินไหวเหมาะสมตามลักษณะความสำคัญและผลกระทบหากอาคารเสียหาย กฎกระทรวงจึงแบ่งอาคารออกเป็น 4 ประเภท ได้แก่ 1) อาคารสำคัญพิเศษ เช่น โรงพยาบาล สถานีดับเพลิง อาคารควบคุมระบบสาธารณูปโภคหลัก ซึ่งต้องใช้งานได้ตลอดเวลาแม้เกิดแผ่นดินไหวรุนแรง 2) อาคารสำคัญ เช่น โรงเรียน ศูนย์ราชการ คอนโดมิเนียมสูง ซึ่งหากพังจะมีผู้เสียชีวิตจำนวนมาก 3) อาคารทั่วไป เช่น อาคารพาณิชย์ ตึกสำนักงาน บ้านพักอาศัย  4) โรงเรือนชั่วคราว เช่น เพิงคลุมวัสดุก่อสร้าง โรงนั่งร้านไม้ อาคารแต่ละประเภทจะมีข้อกำหนดการออกแบบที่แตกต่างกัน โดยอาคารที่มีความสำคัญมากกว่าจะต้องทนทานต่อแผ่นดินไหวที่รุนแรงกว่า ส่วนโรงเรือนชั่วคราวอาจออกแบบรับแผ่นดินไหวเบาๆได้

 

3. วิธีการคำนวณแรงแผ่นดินไหวและการออกแบบโครงสร้างอาคาร 

กฎกระทรวงอ้างอิงมาตรฐานการคำนวณแรงแผ่นดินไหวที่เป็นสากล เช่น ASCE 7, IBC, Eurocode 8 โดยกำหนดแผนที่ความเสี่ยงภัยแผ่นดินไหวของไทยแบ่งเป็น 7 เขต ซึ่งระบุค่าความเร่งของพื้นดินสูงสุดเป็นสัดส่วนกับความเร่งเนื่องจากแรงโน้มถ่วงของโลก (0.04g - 0.36g) วิศวกรต้องใช้ค่านี้ประกอบกับคาบการสั่นพ้องของอาคาร และตัวแปรอื่นๆ เพื่อคำนวณแรงเฉือนที่ฐานอาคาร แล้วจึงกระจายแรงไปตามชั้นต่างๆ จากนั้นจึงวิเคราะห์โครงสร้างอาคารด้วยวิธีแรงสถิตเทียบเท่าหรือการวิเคราะห์เชิงพลศาสตร์ เพื่อหาขนาดชิ้นส่วนโครงสร้างต่างๆ โดยแบบจำลองที่ใช้วิเคราะห์ต้องสอดคล้องกับสภาพอาคารจริง การเชื่อมต่อขององค์อาคารต้องแข็งแรงและเหนียวพอที่จะถ่ายแรงระหว่างกันได้ดี มีรายละเอียดการเสริมเหล็กอย่างถูกต้อง เป็นต้น

 

4. คุณสมบัติของวัสดุและองค์อาคารในการต้านแผ่นดินไหว

เพื่อให้อาคารสามารถต้านทานแผ่นดินไหวได้ตามที่ออกแบบ จำเป็นต้องเลือกใช้วัสดุก่อสร้างที่มีกำลังและความเหนียวตามมาตรฐาน เช่น คอนกรีตโครงสร้างต้องมีกำลังอัดประลัยไม่ต่ำกว่า 240 กก./ตร.ซม. มวลรวมต้องสะอาดแข็งแกร่ง เหล็กเสริมต้องมีกำลังดึงจำนนไม่น้อยกว่า 3000 กก./ตร.ซม. วัสดุก่อต้องมีกำลังตามที่ระบุ นอกจากนี้ องค์อาคารที่ทำหน้าที่ต้านแผ่นดินไหว เช่น กำแพงคอนกรีตเสริมเหล็ก (Shear wall) เสาและคาน ต้องมีสัดส่วนที่เหมาะสม มีเหล็กเสริมปริมาณพอเพียง ระยะของเหล็กปลอกต้องถี่พอ รอยต่อระหว่างองค์อาคารต้องเชื่อมด้วยเหล็กทะลวงอย่างแน่นหนา เพื่อสร้างเสถียรภาพให้อาคารไม่พังถล่มแม้เกิดแผ่นดินไหวรุนแรง โดยอาจเกิดความเสียหายบ้างแต่ประชาชนต้องมีเวลาหนีออกมาอย่างปลอดภัย

 

5. การตรวจสอบ ทดสอบ และบำรุงรักษาโครงสร้างอาคาร 

 

กฎกระทรวงกำหนดให้อาคารสำคัญพิเศษและอาคารสูงต้องผ่านการตรวจสอบความมั่นคงแข็งแรงโดยผู้เชี่ยวชาญทุก 5 ปี ส่วนอาคารสำคัญและอาคารทั่วไปต้องตรวจทุก 10 ปี การตรวจสอบครอบคลุมตั้งแต่ฐานราก โครงสร้าง ตลอดจนองค์อาคารอื่นๆ ความเสียหายที่พบต้องรีบแก้ไขตามคำแนะนำของผู้เชี่ยวชาญ และต้องรายงานผลต่อหน่วยงานกำกับดูแลอาคาร  นอกจากนี้ ระหว่างการใช้งานตามปกติ เจ้าของอาคารต้องจัดให้มีการดูแลบำรุงรักษาโครงสร้างอาคารให้อยู่ในสภาพดี เช่น อุดรอยแตกร้าว กำจัดสนิม เปลี่ยนวัสดุที่เสื่อมสภาพ เพื่อไม่ให้อาคารอ่อนแอลงเมื่อเวลาผ่านไป และหากเกิดแผ่นดินไหวใหญ่ในพื้นที่ใกล้เคียง แม้อาคารจะไม่เห็นความเสียหายชัดเจน ก็ควรเชิญผู้เชี่ยวชาญมาตรวจสอบอย่างละเอียดเพื่อความมั่นใจ หากพบความบกพร่องต้องรีบแก้ไขปรับปรุงทันที

สรุปสาระสำคัญของร่างกฎกระทรวงกำหนดการรับน้ำหนัก ความต้านทาน ความคงทนของอาคาร และพื้นดินที่รองรับอาคารในการต้านทานแรงสั่นสะเทือนของแผ่นดินไหว พ.ศ. 2564 ในรูปแบบตาราง ดังนี้

 

| หัวข้อ | รายละเอียด |

|-------|------------|

| 1. บังคับใช้กับอาคาร | - อาคารทุกประเภทที่จะก่อสร้างใหม่หรือดัดแปลงในประเทศไทย <br>- ต้องออกแบบและก่อสร้างให้ต้านทานแผ่นดินไหวตามที่กำหนด <br>- วิศวกรและสถาปนิกต้องแสดงรายการคำนวณและแบบแปลนยืนยัน <br>- อาคารเดิมไม่บังคับให้แก้ไข แต่หากต้องการปรับปรุงให้อ้างอิงข้อกำหนดนี้|

| 2. ประเภทอาคารตามความสำคัญ | 1) อาคารสำคัญพิเศษ - ต้องใช้งานได้หลังเหตุการณ์แผ่นดินไหวรุนแรง <br> 2) อาคารสำคัญ - หากพังมีผู้เสียชีวิตจำนวนมาก <br> 3) อาคารทั่วไป - อาคารพักอาศัย พาณิชย์ สำนักงาน <br> 4) โรงเรือนชั่วคราว - เพิงคลุมวัสดุ นั่งร้านไม้|

| 3. วิธีคำนวณแรงแผ่นดินไหว | - แผนที่ภัยแผ่นดินไหวไทย 7 เขต (0.04g - 0.36g) <br> - คำนวณแรงเฉือนที่ฐาน: V = C<sub>s</sub>W <br> C<sub>s</sub> = ค่าสัมประสิทธิ์แรงเฉือนจากสเปกตรัมการตอบสนอง <br> W = น้ำหนักอาคารทั้งหมดที่ใช้คำนวณแรงแผ่นดินไหว <br> - กระจายแรงไปตามชั้นอาคาร F<sub>x</sub> = CvxV <br> C<sub>vx</sub> = 0.9ระดับชั้น / ผลรวมความสูงอาคาร <br> - วิเคราะห์โครงสร้างแบบแรงสถิตเทียบเท่าหรือเชิงพลศาสตร์ |

| 4. คุณสมบัติวัสดุและองค์อาคาร | - คอนกรีต f'c ≥ 240 ksc, มวลรวมแข็งแกร่ง <br> - เหล็กเสริม f<sub>y</sub> ≥ 3000 ksc <br> - Shear wall, เสา, คาน ออกแบบให้มีกำลังและเหนียว <br> - เหล็กปลอกระยะถี่ รอยต่อเชื่อมแน่นหนา|

| 5. การตรวจสอบและบำรุงรักษา | - ตรวจสอบโดยผู้เชี่ยวชาญ: <br> -- อาคารสำคัญพิเศษและสูงทุก 5 ปี <br> -- อาคารสำคัญและทั่วไปทุก 10 ปี <br> - ซ่อมแซมความเสียหายทันที <br> - ดูแลบำรุงรักษาสม่ำเสมอ แก้ไขส่วนเสื่อมสภาพ <br> - หลังแผ่นดินไหวใหญ่ใกล้เคียง ให้ตรวจสอบอย่างละเอียด|

 

นอกจากสูตรคำนวณแรงแผ่นดินไหวพื้นฐานดังที่แสดงในตารางแล้ว การวิเคราะห์โครงสร้างอาคารเพื่อต้านทานแผ่นดินไหวยังเกี่ยวข้องกับสูตรคำนวณอื่นๆ อีกจำนวนมาก เช่น 

 

- คาบการสั่นพ้องของอาคาร (T): T = Ct(hn)^x

- ค่าสัมประสิทธิ์การขยายอาคารเนื่องจากการหน่วง (R)

- การคำนวณการเคลื่อนตัวสัมพัทธ์ระหว่างชั้น (Story Drift)  

- สูตรคำนวณกำลังต้านทานโมเมนต์ดัด แรงเฉือน และแรงอัดของชิ้นส่วนคอนกรีตเสริมเหล็ก

- สูตรคำนวณความยาวในการยึดเหนี่ยวของเหล็กเสริม (Development Length)

- การออกแบบรอยต่อคาน-เสา (Beam-Column Joints) ให้มีความเหนียว

 

ซึ่งมีรายละเอียดมากจนไม่สามารถนำเสนอได้ครบถ้วนในที่นี้ วิศวกรโครงสร้างจำเป็นต้องศึกษาเพิ่มเติมจากมาตรฐาน เช่น มยผ. 1301, 1302 หรือมาตรฐานสากล และใช้ดุลยพินิจตามหลักวิชาชีพในการประยุกต์ใช้ให้ถูกต้องเหมาะสมกับอาคารแต่ละประเภท

สรุปสูตรการคำนวณที่ปรากฏในร่างกฎกระทรวงกำหนดการรับน้ำหนัก ความต้านทาน ความคงทนของอาคาร และพื้นดินที่รองรับอาคารในการต้านทานแรงสั่นสะเทือนของแผ่นดินไหว พ.ศ. 2564 โดยแบ่งตามหมวดและหน้าที่ปรากฏ ดังนี้

 

| หมวด | สูตรคำนวณ | หน้า |

|------|-----------|------|

| หมวด 1 บททั่วไป | - | - |

| หมวด 2 แรงแผ่นดินไหวสำหรับออกแบบ | - ค่าความเร่งตอบสนองเร่งเหนี่ยวนำ (S<sub>DS</sub>, S<sub>D1</sub>) | 5-6 |

| | - ค่าสัมประสิทธิ์ตอบสนองแผ่นดินไหว (C<sub>S</sub>, C<sub>D</sub>) | 7-8 |

| | - คาบธรรมชาติพื้นฐานของอาคาร (T<sub>a</sub>) | 8 |

| | - แรงเฉือนที่ฐานจากแผ่นดินไหว (V) | 9 |

| | - การกระจายแรงเฉือนตามความสูง (F<sub>x</sub>) | 10 |

| หมวด 3 การวิเคราะห์โครงสร้าง | - | - |

| หมวด 4 ข้อกำหนดสำหรับระบบโครงสร้าง | - กำลังต้านทานโมเมนต์ดัด แรงเฉือน แรงอัดของชิ้นส่วน คสล. | 18-23 |

| | - ความยาวในการยึดเหนี่ยวของเหล็กเสริม (l<sub>db</sub>) | 24-25 |

| | - ข้อกำหนดเหล็กปลอก (Ties) และคอนไฟน์ (Confinement) | 26-30 |

| หมวด 5 โครงต้านแรงดัดที่ไม่ใช่โครงสร้างรับแรงแผ่นดินไหว | - | - |

| หมวด 6 กำแพงโครงสร้าง | - กำลังต้านทานแรงอัดและแรงเฉือนของกำแพง | 34-35 |

| หมวด 7 โครงสร้างแบบแผ่น | - | - |

| หมวด 8 ฐานราก | - | - |

| หมวด 9 องค์อาคารที่ไม่ใช่โครงสร้าง | - แรงในองค์อาคารเนื่องจากการเคลื่อนตัวของโครงสร้าง | 42-43 |

| ภาคผนวก ก. แผนที่ความเสี่ยงภัยแผ่นดินไหวประเทศไทย | - | 45-46 |

| ภาคผนวก ข. ตัวอย่างการคำนวณแรงแผ่นดินไหว | - ขั้นตอนที่ 1-8 | 47-52 |

 

โปรดทราบว่าตารางข้างต้นแสดงเพียงชื่อสูตรและหน้าที่ปรากฏ ยังไม่ได้เขียนสูตรแบบละเอียด ทั้งนี้เนื่องจากเนื้อหาของร่างกฎกระทรวงฯ มีจำนวนมาก การจะนำเสนอสูตรทุกสูตรจะต้องใช้พื้นที่ค่อนข้างมาก อย่างไรก็ตาม ข้อมูลนี้ช่วยให้ทราบภาพรวมของสูตรคำนวณและจุดที่ต้องไปศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ หากวิศวกรออกแบบจำเป็นต้องนำสูตรไปคำนวณจริง จะต้องศึกษาจากเนื้อหาในกฎกระทรวงฉบับเต็ม ประกอบกับมาตรฐานอื่น ๆ ที่เกี่ยวข้องด้วย